“SEI YA SHOP” เป็นร้านขายของเล่นเด็กยอดนิยมอันดับต้นๆ ในโลกออนไลน์ก็ว่าได้ ด้วยยอดไลค์แฟนเพจเฟชบุ๊กกว่า 170,000 คน แถมยังติดอยู่อันดับ 1 ของคำค้นหา “ของเล่นสกุชชี่” ในกูเกิ้ล จนสามารถทำยอดขายได้ 6-7 หลักต่อเดือน โดยคนที่ปลุกปั้นแบรนด์นี้มาตั้งแต่ต้น คือ “พุฒิพงษ์ พงศ์ทรัพย์เจริญ” อดีตพนักงานบริษัทที่ทำด้านดิจิตอลมาร์เกตติ้ง ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในของเล่น และเล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ช จึงเริ่มเปิดขายของเล่นสะสมของตัวเองผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ซึ่งผลตอบรับที่ได้ดีเกินคาด จากนั้นจึงได้ขยายไปขายของเล่นเด็กอื่นๆ ที่กำลังฮิตในช่วงนั้นๆ เพิ่มเติม และก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วหันมาทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เมื่อปีพ.ศ. 2556 โดยกลยุทธ์ที่ พุฒิพงษ์ ใช้เพื่อมัดใจลูกค้าวัยประถม คือ การพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเด็ก ทำตัวเป็นเสมือนกับเป็นเพื่อนหรือพี่ ที่คอยดูแลและให้คำปรึกษา รวมทั้งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจโดยไม่ใช่เพียงแต่จะขายของอย่างเดียว 
“เด็กๆ ชอบที่จะถาม ชอบพูดคุย ดังนั้น การขายของจึงไม่เหมือนกับที่ขายให้ผู้ใหญ่ เพราะ เด็กไม่ได้สนใจเรื่องราคา แต่ต้องการให้เราพูดคุยเหมือนเป็นเพื่อนของเขามากกว่า คุยเรื่องของเล่นที่เขาสนใจแทนที่จะพูดเสนอขายของอย่างเดียว ส่วนเด็กจะซื้อหรือไม่ก็ตามแต่ ทางร้านจะไม่บังคับให้ไปขอเงินพ่อแม่เพื่อมาซื้อ เพราะสุดท้ายการตัดสินใจต้องเป็นของพ่อแม่ด้วย” พุฒิพงษ์ กล่าวเสริม
ดังนั้น การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ปกครองก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญ ร้านจึงต้องสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อแสดงตัวตน ไม่ใช่แค่ขายผ่านเฟชบุ๊กอย่างเดียว ทำให้พ่อแม่ลูกมีความสบายใจมากขึ้นเมื่อกดสั่งซื้อ โดยจุดนี้เองทำให้มีลูกค้าเก่า กลับมาซื้ออย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทางร้านก็ได้ใช้เทคนิคการนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอบนเฟชบุ๊กและยูทูป ด้วยการทำเป็นคลิปน่ารักๆ ให้เหล่าเด็กๆ เป็นพิธีกรแนะนำพาชม พาเล่นของเล่น โดยที่ดูแล้วไม่เป็นการจงใจขายของมากจนเกินไป พร้อมกับทำคลิปไวรัลสำหรับเด็กที่น่าสนใจ ไม่จำกัดแค่ขายสินค้าตัวเอง ในส่วนนี้เองทำให้มีผู้กดติดตามในยูทูปกว่า 30,000 คน 
ปัจจุบันสินค้าของร้าน SEI YA SHOP มีอยู่หลากหลายประเภท เช่น สคุชชี่ (Squishy) ของเล่นนุ่มนิ่มคล้ายฟองน้ำที่กำลังฮิตในหมู่เด็กๆ สไลม์ ปาแปน ขนมกระดาษ เสื้อผ้าเด็ก หางนางเงือก บอร์ดเกม กระปุกออมสินตู้เซฟดูดแบงค์ กล้องของเล่นกันน้ำ ต้นไม้จิ๋ว และ Hand Spinner เป็นต้น ราคามีตั้งแต่ หลักสิบจนไปถึงหลักพันบาท จัดจำหน่ายผ่านทาง www.seiyashop.com, www.facebook.com/seiyashops และ Line Shop @seiyashop.com โดยมียอดขายเฉลี่ยหลักแสนบาทต่อเดือน ช่วงที่ขายดีก็มีแตะหลักล้านบาท 
SEI YA SHOP เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างร้านค้าออนไลน์ที่สามารถตีโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แล้วนำไปต่อยอดทางการตลาด จนประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ สำหรับคนที่ธุรกิจอยู่ก็สามารถนำแง่คิดหรือเทคนิคไปประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งอาจจะทำให้กลายเป็นเศรษฐีออนไลน์ได้ในที่สุด ขอบคุณภาพจาก www.seiyashop.com
Food Truck ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในขณะนี้ จนธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มหลากหลายค่ายให้ความสนใจ ปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบร้านมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจรูปแบบของธุรกิจมากเท่าที่ควรวันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาบอก 6 เรื่องสำคัญต้อ
ใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ห้ามพลาดสิ่งนี้ วันนี้ ชี้ช่องรวย มีเทคนิคดีๆ มานำเสนอกันอีกแล้ว กับ 3 รูปแบบ 9 วิธี สำหรับขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ที่จะทำให้ร้านของคุณนั้นประสบความสำเร็จ มียอดขายทะลุเป้าได้ไม่ยากหากทำ
การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ การมีทำเลที่ดี ก็จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ดั่งคำที่ว่า “ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” แต่รู้หรือไม่ว่าต่อให้ทำเลดีแค่ไหน หากไม่เหมาะกับธุรกิจนั้นๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ชี้ช่องรวยจึงอยากจะมาแนะนำ 6 ประเภทภาพรวมว่าควรจะเลือกทำเลแบบไหนถึงจะดีที่สุด 1.โฮมออฟฟิศ ปัจจุบันโฮมออฟฟิศเป็นที่นิยมมากของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยการดัดแปลงห้องภายในบ้านให้กลายเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าการใช้ที่พักอาศัยเป็นที่ทำงานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ข้อเสียที่ต้องทำใจคือ อาจพักผ่อนได้ไม่เต็มที่เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่กองงาน และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะทำให้ขาดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจต่างๆ ดังนั้นคุณควรช่างน้ำหนักให้ดีว่าจะเลือกความเป็นส่วนตัวหรือเลือกงาน หากเลือกความเป็นส่วนตัวก็ควรเลือกทำที่สงบ ถ้าต้องการมีแรงกระตุ้นในการทำงาน ควรเลือกทำเลที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงหลักกฎหมายด้วยว่าบ้านของคุณสามารถดัดแปลงเป็นที่ทำงานได้หรือไม่ 2. แฟรนไชส์ ร้านค้าปลีก หรือการบริการต่างๆ รูปแบบนี้เราอาจจะพบเห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งหลักการสำหรับร้านขายปลีก และร้านบริกานั้นจะต้องเป็นจุดสังเกต ดึงดูดลูกค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด ย่านชุมชน หรือเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเปิดร้านเครื่องเขียนก็ควรตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นควรตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ร้านอาหารตามสั่งอยู่ในแหล่งที่มีหอพัก เป็นต้น ทั้งนี้ข้อควรระวังอีกอย่างคือ อย่าตั้งร้านใกล้ร้านดังที่ขายสินค้า และบริการแบบเดียวกับคุณเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่ใช้บริการร้านเปิดใหม่ของคุณ 3.ธุรกิจเคลื่อนที่ หรือ Food truck หากคุณจะทำธุรกิจเคลื่อนที่ คุณจำเป็นต้องมีพาหนะที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเสียก่อน ซึ่งพาหนะนี่แหละที่จะพาสินค้าและบริการของคุณไปสู่ทำเลที่ดี […]
