โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

“นารายา” จากแม่ค้าขายไข่ สู่เป็นเศรษฐีนี 500 ล้าน

                           

          ‘วาสนา รุ่งแสงทอง ลาทูรัสหญิงแกร่งเจ้าของธุรกิจนารายา เล่าย้อนกลับไปในช่วงชีวิตในวัยเด็กว่า เธอเกิดมาในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน เรียนจบแค่ชั้น ป.4 เนื่องจากสมัยนั้นยังมีค่านิยมที่ว่าเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนสูง โดยหลังจากที่เรียนจบก็ได้ผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มขายตั้งแต่ไข่ไก่ ไข่เค็ม จนไปถึงถุงพลาสติก ที่ตลาดประตูน้ำ ด้วยความเธอเป็นคนใฝ่รู้ อยากเรียนต่อ เธอจึงใช้เวลาช่วงค่ำไปสมัครเรียนเทียบจนจบชั้นมัธยมฯ พร้อมกับเรียนพิเศษภาษาอังกฤษไปด้วย เพราะตอนนั้นเธอมีความฝันว่า อยากจะเป็นไกด์นำเที่ยว

      

           วาสนา ใช้ชีวิตแม่ค้าอยู่เกือบ 20 ปี จนถึงอายุ 36 ปี เธอก็ตัดสินใจเข้าไปสมัครเป็นไกด์นำเที่ยวที่บริษัทแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้วก็ตาม เธอก็ยังตั้งใจและแน่วแน่ที่จะทำ จนในที่สุดก็ได้ทำงานอย่างที่หวังไว้ ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อได้ไปนำเที่ยว วาสิลิโอส ลาทูรัส นักธุรกิจชาวกรีซที่เข้ามาทำการค้าในไทย หลังจากที่ได้ดูแลกันหลายเดือนทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกันและได้ลงเอยแต่งงานในที่สุด หลังจากนั้น เธอกับสามีก็เริ่มต้นทำธุรกิจส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ เนื่องจากวาสิลิโอส เรียนจบด้านวิศวกรรม แต่ทำไปสักพักธุรกิจนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้ นำมาซึ่งหนี้สินจำนวนมาก เธอต้องใช้ชีวิตอย่างอยากลำบากในการที่จะหมุนเงินเพื่อให้ธุรกิจยังคงอยู่รอด

         

           หลังจากที่ผ่านวิกฤติกับธุรกิจแรกมาได้ วาสนาก็ได้เจอกับความโชคดี เมื่อเพื่อนชาวต่างชาติของสามีเดินทางมาเมืองไทยเพื่อหาสินค้าหัตถกรรมไปส่งขายที่ต่างประเทศ เธอจึงได้ช่วยและเป็นคู่ค้าในการจัดหาซื้อสินค้าเพื่อส่งออก โดยมีทั้งตะเกียบ ช้อน ซ้อม จัดรวมกันเป็นชุด รวมถึงกระเป๋าผ้าไทย ซึ่งกลายเป็นของขายดีมาก ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงเห็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจสร้างสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเองแทนที่การซื้อมาขายไป โดยใช้ชื่อว่า นารายา

            

           “นารายานั้นเป็นภาษาฮินดู แปลว่า พระนารายณ์หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อของ พระวิษณุ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู ชื่อนี้ถูกเลือกเพราะมีความหมายที่เป็นมงคล และง่ายต่อการออกเสียงในหลายๆ ภาษา” วาสนา กล่าวเสริม              ปีพ.ศ. 2536 วาสนา ได้เริ่มก่อตั้งโรงงานทำกระเป๋า ซึ่งตอนนั้นมีพนักงานอยู่เพียงแค่ 15 คนกับจักเย็บผ้าอีก 15 คัน โดยได้วางขายสินค้าที่ร้านนารายณ์ภัณฑ์เพียงแห่งเดียว แต่ด้วยเอกษณ์ ลวดลายและคุณภาพ ทำให้นารายา ค่อยๆ เป็นที่รู้จักนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ที่มีสาขา 23 แห่ง ทั่วโลก ทั้งในไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี

         

           โดยวาสนา เผยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ว่า นารายาเริ่มเป็นที่รู้จักมาจากการไปออกงานที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น นั่นจึงทำให้แบรนด์มีฐานลูกค้าในต่างประเทศนับตั้งแต่ตอนนั้น แล้วค่อยๆ ขยายไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลางและยุโรป  

          สำหรับตลาดในประเทศ การเลือกทำเลตั้งร้านก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางแหล่งช็อปปิ้ง และยังได้ตกแต่งร้านให้โดดเด่นใช้สีสันสดใสช่วยให้ดึงดูดลูกค้าได้ดี อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณภาพของสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเรื่องของลวดลายและสีสันงานออกแบบที่หลากหลาย ซึ่งต่างก็มัดใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีมากกว่า 100 สี เกือบ 3,000 แบบ            วาสนาเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและคนทั่วไป ที่กำลังท้อแท้และน้อยใจในโชคชะตาที่อาจจะเกิดมาไม่ได้ร่ำรวย แต่เธอก็ยังขวนขวายหาสิ่งที่ดีกว่าให้กับตัวเองและครอบครัว เพราะถ้าเธอเลือกที่จะหยุดชีวิตไว้ที่การเป็นแม่ค้าขายไข่ เราคงไม่ได้รู้จักกับ นารายาแบรนด์กระเป๋าอันดับต้นๆ ของเมืองไทย อย่างเช่นทุกวันนี้   ภาพจาก www.naraya.com