โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เอสเอ็มอีแบงก์เร่งปล่อยกู้กองทุนร่วมทุนอีก 500 ล้าน

            นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนในกองทุนร่วมลงทุนในกิจการเอสเอ็มอี (SMEs Private Equity Trust Fund) ซึ่งมีวงเงินเป้าหมายจำนวน 2,000 ล้านบาท ว่า ที่ผ่านมา ธพว. ได้ตั้งกองทุนไปแล้ว 2 กอง มีวงเงินกองละ 500 ล้านบาท และได้ร่วมลงทุนในกิจการต่างๆ ไปแล้วรวมกว่า 400 ล้านบาท โดยเงื่อนไขการเข้าลงทุน ธพว. ต้องเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการนั้นๆ ไม่ต่ำกว่า 25% หรือสูงสุดได้ไม่เกิน 49% มีระยะเวลาไถ่ถอนหุ้น หรือให้เจ้าของกิจการซื้อหุ้นคืนภายใน 7-10 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจการที่ ธพว. เข้าไปถือหุ้นเพื่อเมื่อสามารถดำเนินธุรกิจได้เข้มแข็งก็สามารถซื้อหุ้นคืนกลับไปเพื่อคงความเป็นเจ้าของกิจการได้เหมือนเดิม  

            ขณะที่เป้าหมายการเข้าลงทุนคือเข้าสนับสนุนเอสเอ็มอี ที่มีศักยภาพสูงมีนวัตกรรมในการสร้างและพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเอสเอ็มอีระยะเริ่มต้นที่มีศักยภาพ หรือที่มีการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี มีความคิดสร้างสรรค์ 2.กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลาง และ 3.กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลางที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเติบโตและเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

              โดยช่วงที่เหลือของปีนี้จะเร่งลงทุนให้ได้เพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อไปต่อยอดเอสเอ็มอีที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายกิจการหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มีวงเงินลงทุนได้ถึง 10 ล้านบาทต่อราย

              ด้าน นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แนะนำว่า กลยุทธ์การเจาะตลาดที่น่าจับตามองในขณะนี้ก็คือ ตลาดในกลุ่มคุณแม่ในแง่ของกำลังซื้อสูง และพบว่ามีกิจกรรมบนโลกออนไลน์สูง โดยอุตสาหกรรมที่น่าเจาะตลาดนี้คือ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าสำหรับเด็ก 2.อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ 3.อุตสาหกรรมแฟชั่น 4.อุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์ดิจิทัลและบริการแอพพลิเคชั่น อาทิ แอพฯพื่อการติดตามลูก อุปกรณ์เครื่องทำความสะอาดอัตโนมัติ ฯลฯ 5.อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง