ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

สถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวยสร้าง นักธุรกิจ SMEs หน้าใหม่…


เมื่อตอนที่ คุณสิรินทร์ นิยมฤทธิ์ ได้รับมรดกเป็นไร่สับปะรดหลายร้อยไร่ เขาจึงต้องพลิกชีวิต
จากคนกรุงมาเป็นชาวไร่อย่างถาวร เริ่มจากปลูกสับปะรดส่งโรงงาน ครั้นเมื่อราคาผลผลิตตกต่ำ
จนต้องขาดทุน ทำให้เขาต้องดิ้นรนมาทำน้ำสับปะรดบรรจุขวด และหลังจากที่คุณสิรินทร์มีโอกาส
อบรมหลักสูตรน้ำผลไม้-สมุนไพรบรรจุขวดระบบพาสเจอร์ไรซ์ กับสถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวยไป วันนี้ชีวิตของเขากำลังเปลี่ยนจากชาวไร่มาเป็นนักธุรกิจ SMEs เมื่อน้ำสับปะรดยี่ห้อ “ลิลิล” ของเขากำลังเดินหน้าเข้าห้างฯ

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 – 6 ปีที่แล้วหลังจากที่สิรินทร์ ได้รับมรดกจากพ่อแม่เป็นไร่สับปะรดที่หัวหิน เขาก็คิดเหมือนชาวไร่สับปะรดทั่วไปคือ ปลูกเพื่อส่งผลผลิตขายให้กับโรงงานสับปะรดกระป๋อง
หลายแห่งที่ตั้งอยู่ที่หัวหิน แต่ปัญหาที่เหล่าเกษตรกรปลูกสับปะรดต้องเจอประจำคือราคา
ผลผลิตที่ไม่แน่นอน โดยคุณสิรินทร์ เล่าว่า “ผมขายสับปะรดสดให้โรงงานราคาผันผวนมาก บางช่วงได้ลูกละ 5 บาท ขณะที่บางช่วงเหลือลูกละบาทเดียว แต่ต้นทุนในการปลูกสับปะรดอยู่ที่ 3 บาท”

 

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเริ่มมองหาลู่ทางในการแปรรูปสับปะรดในยามที่ผลผลิตมีราคาตกต่ำ โดยเริ่มจากนำสับปะรดสุกซึ่งจะมีรสชาติหวานฉ่ำนำมาคั้นเป็นน้ำสับปะรดสด เมื่อลองทำและ
ให้คนรอบข้างได้ชิมจนมีความมั่นใจแล้วจึงทำน้ำสับปะรดสดบรรจุขวด “พอดีที่ตลาดบองมาร์เช่
เปิดพื้นที่ชั่วคราวให้พ่อค้าข้างนอกมาขาย ผมจึงนำน้ำสับปะรดบรรจุขวดมาทดลองขายดู ปรากฏว่าขายดีมากมีลูกค้าติดใจในรสชาติจึงตัดสินใจขายประจำอยู่ที่ตลาดแห่งนี้เลย”

 

เมื่อปี 2556 น้ำสับปะรดคั้นสดภายใต้ชื่อ “ลิลิล”ของสิรินทร์ได้เปิดจำหน่ายประจำทุกวัน
ที่ตลาดบองมาร์เช่โดยชูจุดขายเป็นน้ำสับปะรดแท้ 100% สะอาด สดจากไร่สับปะรดที่หัวหิน ในราคาขวดละ 20 บาท ซึ่งสิรินทร์ตอกย้ำว่าการแปรรูปสับปะรดสดมาเป็นน้ำสับปะรด
บรรจุขวดนั้นนอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องราคาสับปะรดที่ตกต่ำบางฤดูกาลแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่า
และเพิ่มกำไรขึ้นอีก “สับปะรด 1 ลูกมีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม หรือตกประมาณลูกละ 7 – 8 บาท

ถ้าส่งโรงงาน แต่ถ้านำสับปะรด 1 ลูกมาคั้นน้ำขายได้ 1 ขวด ผมขายได้ 15 – 20 บาท ผมกำไรเกือบเท่าตัว แม้ว่าราคาตลาดจะตกเหลือลูกละ 1 บาท แต่ผมก็ยังขายน้ำสับปะรดได้ใน

ราคาเดิม นี่จึงเป็นแรงจูงใจให้ผมนำน้ำสับปะรดมาต่อยอด” คุณสิรินทร์ กล่าว

 

แต่ คุณสิรินทร์ ก็ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐานดีขึ้น เมื่อเขารู้ข่าวว่าสถาบันสอนอาชีพ
ชี้ช่องรวย สอนหลักสูตรน้ำผลไม้ – สมุนไพรบรรจุขวด พาสเจอร์ไรซ์ เขาจึงตัดสินใจเดินทาง

มาเรียนทันที แม้จะเป็นหลักสูตร 1 วัน แต่ก็ช่วยให้ คุณสิรินทร์ สามารถนำความรู้ที่ได้
มาปรับปรุงระบบการผลิตของเขา ทั้งเรื่องเทคนิคการทำพาสเจอร์ไรซ์ การยืดอายุน้ำผลไม้ให้

ยาวนานขึ้น เรียนรู้เรื่องสุขอนามัย และรู้จักเครื่องมือในการผลิตน้ำผลไม้

 

“มาเรียนผมได้ความรู้ทั้งกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามทฤษฎี อย่างระบบพาสเจอร์ไรซ์จากเดิม
ที่ทำตามความเข้าใจของเรา พอเรียนแล้วจึงรู้ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เครื่องจักรของระบบ
พาสเจอร์ไรซ์มีอะไรบ้าง ก่อนหน้านี้ผมหาความรู้ในเว็บ แต่ก็เพียงเห็นรูปนั้น พอมาเรียนจึงได้จับ
เครื่องมือจริงรวมทั้งกระบวนการที่ถูกต้อง” หลังจากผ่านการอบรมหลักสูตรน้ำผลไม้ฯ จากสถาบัน
สอนอาชีพชี้ช่องรวยไปแล้ว  ทำให้ คุณสิรินทร์ มีความมั่นใจมากขึ้น เขาจึงเริ่มทำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นโดยการนำสูตรที่ได้เรียนมาปรับปรุงและนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในหัวหินมาทดลองผลิตเป็นน้ำ

บรรจุขวดใหม่ ๆ  ปัจจุบันนอกจากน้ำสับปะรดแล้วยังมีน้ำเก๊กฮวยและน้ำใบเตยว่านหางจระเข้
ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีมากที่หัวหิน

 

 

“น้ำเก๊กฮวยของที่ร้านผมก็ใช้สูตรตามสัดส่วนที่สถาบันฯ สอน รวมถึงแหล่งวัตถุดิบที่สถาบันฯ แนะนำด้วย เรียกว่าสูตรเป๊ะใช้ได้เลย อาจต้องลดความหวานเพราะคนย่านนี้ไม่ชอบหวาน  แม้กระทั่ง
ฉลากผมก็ออกแบบตามที่สถาบันฯ แนะนำทำให้รวดเร็วและประหยัด” การเพิ่มไลน์ของน้ำบรรจุขวด
มาอีก 2 ชนิด ทำให้ คุณสิรินทร์ มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายของน้ำสับปะรดก็ไม่ได้ตกลง โดยยอดขายของน้ำสับปะรดประมาณพันกว่าขวดต่อสัปดาห์ และว่านหางจระเข้ 200 ขวดต่อสัปดาห์

 

ด้วยรสชาติที่อร่อย สด สะอาด ส่งผลให้ในอีกไม่นานน้ำสับปะรด “ลิลิล” จะมีโอกาสเข้า Tops SuperMarket  แล้ว คุณสิรินทร์ คงจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอ
ต่อการวางตามสาขาต่างๆ ของ Tops และแน่นอนว่าเขาคงต้องขยับการลงทุนขึ้นมาเป็นธุรกิจ

ระดับ SMEs อย่างแน่นอน จากก้าวแรกที่พบกับความสำเร็จมานั้น คุณสิรินทร์ ได้แบ่งปันคำแนะนำ
ให้แก่ผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจว่า “อยากแนะนำคนเริ่มที่จะทำธุรกิจว่าคุณต้องหาความรู้ความชำนาญ ในสินค้านั้นๆ ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ถูกต้องและศึกษาตลาดว่าจะขายใครแล้วมา
พัฒนาสินค้าให้เข้ากับตลาด”

 

ก่อนจบการสนทนา คุณสิรินทร์ ยังฝากว่าต้องการให้สถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวย เพิ่มหลักสูตรต่อยอด
ของน้ำบรรจุขวด อาทิ น้ำแข็งเกล็ดหิมะ รวมถึงสอนเรื่องการตลาดและการบริหารต้นทุน เพราะหลักสูตรเหล่านี้มีความจำเป็นมากสำหรับคนทำธุรกิจน้ำบรรจุขวด  ซึ่งเขารับปากว่า
ถ้าเปิดเมื่อไหร่จะรีบมาเรียนเป็นคนแรก ซึ่งสถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวยรู้สึกภูมิใจที่ได้ผลิต

ผู้ประกอบการให้ประสบความสำเร็จออกสู่ตลาดอาชีพได้ตามเป้าประสงค์หลักของเรา และ
ขออวยพรให้คุณสิรินทร์ จงประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจน้ำบรรจุขวดด้วย

 

 

ข่าวดี สถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวยเปิดห้องอบรมใหม่ที่ตลาดลุงเพิ่ม

 

ตั้งแต่สถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวยเปิดดำเนินการสอนหลักสูตรอบรมอาชีพเพื่อสร้างผู้ประกอบการ

หน้าใหม่มาเป็นเวลา 2 ปีกว่า มีผู้สนใจผ่านการอบรมจากสถาบันฯไปแล้วเกือบ 2,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้ได้กลายเป็น “เถ้าแก่” ในวงการธุรกิจอาหารกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

 

โดยเป้าหมายสำคัญของสถาบันฯมิเพียงสอนวิชาชีพเหมือนที่อื่นๆ เท่านั้นเนื่องเพราะเรามีความรู้
และเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ SMEs เป็นจุดขายอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่สถาบันฯ กำลังจะทำคือ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการสอนอาชีพ ซึ่งมิใช่เพียงเรียนเพื่อไปประกอบอาชีพเท่านั้น แต่เรากำลังจะสร้าง “ผู้ประกอบการมืออาชีพ” ให้กับวงการ SMEs ของประเทศไทย

 

ดังนั้นหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันฯ จึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการคิดหลักสูตรจากพื้นฐาน
ความต้องการในวงการวิชาชีพหรือมองหาโอกาสทางวิชาชีพเป็นหลัก จะเห็นได้ว่าทางสถาบันฯ มีการพัฒนาทั้งหลักสูตรต่างๆ และวิทยากรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงการเรียนการสอนที่สามารถ
นำไปประกอบอาชีพได้จริง

 

แม้กระนั้นก็ยังไม่สามารถตอบสนองผู้ที่กำลังมองหาอาชีพใหม่ๆ ได้อย่างทั่วถึง ทั้งๆ ที่สถาบันฯ ได้เพิ่มเวลาอบรมจากเดิมที่มีเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ในปีเริ่มต้นของการดำเนินกิจการ และปีต่อมา
มีการเพิ่มวันอบรมเป็นวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี เพื่อตอบสนองกลุ่มแม่บ้านและผู้ที่ไม่มีเวลาว่าง
ในวันหยุด ประกอบกับมีผู้สนใจที่จะเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งบางคนอาจจะไม่สะดวกที่จะเดินทางมาอบรมที่ศูนย์การค้า แฮปปี้แลนด์

 

 

ดังนั้นสถาบันฯ จึงใช้นโยบายเชิงรุกที่จะกระจายห้องเรียนเพิ่มขึ้นไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ เพื่อให้ความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้ที่มาเข้าอบรมได้อย่างทั่วถึงโดย “ห้องอบรมใหม่” ของสถาบันฯ ที่จะเริ่มเปิดแห่งแรกเพื่อให้บริการแก่ผู้สนใจในเดือน มิถุนายน ศกนี้ ที่ร้านสลัดไฮโซ ในตลาดลุงเพิ่ม
หรือที่รู้จักกันในนามตลาดหลังการบินไทย ถนนวิภาวดี 22 ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่
แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

 

“ห้องอบรมใหม่” แห่งนี้ใช้พื้นที่ของร้านสลัดไฮโซ ซึ่งเจ้าของ คือ อาจารย์สิริสุรีนันท์ จงศิริกุล (หนึ่ง) วิทยากรคนเก่งของสถาบันฯ โดยจะเปิดอบรมเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์และจะเริ่มทำการอบรม
ครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2557 ในหลักสูตรสลัดผักไฮโซ สำหรับ “ห้องอบรมใหม่” นี้ ตกแต่งอย่างสวยงาม สะอาดและสะดวกในการเดินทางมาก อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS และMRT จตุจักร (ดูแผนที่)

 

ท่านใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่ 086-355-6258