ซึ่งก่อนหน้านี้คุณเอเล่าว่า ตนเองเปิดกิจการค้าขายวัสดุก่อสร้างและพลาสติกรีไซเคิล มีเพียงคุณแม่ที่ฝีมือการทำอาหารเป็นที่ยอมรับจากลูกค้ามายาวนาน แม้ว่าตนจะมีความสนใจด้านหารและชอบคิดค้นสูตรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ยังต้องเรียนรู้เรื่องการทำอาหารอย่างละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะการทำน้ำส้มตำ อาหารอีสานอ และมีคุณแม่ช่วยดูแลเรื่องสูตรให้ หลังจากนั้นคุณเอจึงศึกษาการทำธุรกิจแฟรนไชส์อย่างจริงจัง และเริ่มต้นธุรกิจ ส้มตำมาละเด้อ ในที่สุด
ส้มตำมาละเด้อ จึงเป็นแฟรนไชส์ที่สร้างขึ้นมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ช่วยให้การทำอาหาร สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลามากขึ้น และที่สำคัญรสชาติอร่อยเหมือนกันทุกจาน ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จะอยู่ที่ ซอสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซอสส้มตำชนิดเปรี้ยว หวาน น้ำยำ น้าลาบ ซอสหมักหมู-ไก่ ที่มีความลงตัวของรสชาติ และวิธีการนำไปปรุงที่ง่ายตามสูตรของร้าน จึงตอบโจทย์สำหรับทุกๆ คน แม้ว่าจะทำอาหารไม่เป็น ก็สามารถเปิดร้านได้
โดยเมนูอาหารของร้านจะมีหลายประเภท ทั้งส้มตำสูตรต่างๆกว่า 30 เมนู อาทิ ตำไทย ตำปูปลาร้า ตำข้าวโพด เป็นต้น รวมถึงเมนูประเภทยำอีกกว่า 20 เมนู ต้มแซบ/ต้มยำ 4เมนู ลาบ น้ำตก ไก่ย่าง และอาหารอีสานอื่นๆ อีกหลากหลาย ซึ่งทุกเมนูจะมีซอส น้ำยำ หัวเชื้อต้ม แกงให้ เพียงแค่คนปรุงผสมให้ได้ตามสูตรที่กำหนดเท่านั้น
สำหรับผู้ที่สนใจแฟรนไชส์ส้มตำมาละเด้อ คุณเอบอกว่ามีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่1 ระบบครอบครัว ใช้เงินลงทุนเพียง 19,000 บาท จะได้รับ วิธีการปรุงอาหารอีสาน สอนวิธีการเลือกซื้อวัตถุดิบ ซอสสูตรต่างๆ และสามารถใช้ชื่อร้านของตนเอง หรือขออนุญาตใช้ชื่อแบรนด์ตำมาละเด้อก็ได้เช่นกัน รูปแบบที่2 แฟรนไชส์ขนาดเล็ก ใช้เงินลงทุนเพียง 39,000 บาท รูปแบบนี้จะได้อุปกรณ์ครบชุด ทั้ง 2 รูปแบบ อบรมเพียง 1 วันก็สามารถประกอบกิจการอาหารได้ทันที
และรูปแบบที่3แฟรนไชส์ขนาดกลาง ใช้เงินลงทุน 69,000 บาท สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ คือ อุปกรณ์ครบชุด ป้ายตกแต่งร้าน อบรมตามระบบ 3 วัน อบรมพนักงานจัดแบบหน้าร้าน โดยทั้ง 3 รูปแบบจะได้รับการดูแล ให้คำปรึกษาหลังการขายเช่นเดียวกัน เพราะคุณเอยึดถือว่า การทำธุรกิจนี้ขึ้นมา เราไม่ได้หาคู่แข่ง แต่เราหาคู่ค้า ที่สามารถสร้างแบรนด์และประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน
สำหรับการคืนทุนและกำไร คุณเอบอกว่า ส้มตำเป็นอาหารที่ขายง่ายหากรสชาติถูกปาก และสามารถคืนได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3-4 เดือน เพราะใช้เงินลงทุนหลักหมื่นเท่านั้น และกำไรที่ได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ปัจจุบัน ตำมะละเด้อ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีสาขาทั่วประเทศที่ใช้แบรนด์ตำมาละเด้อ มากกว่า 20 สาขา และไม่ใช้แบรนด์อีกกว่า 100 สาขา
ใครที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ส้มตำมาละเด้อ คุณเอบอกว่า ต้องมีเงินลงทุนประมาณ 39,000 – 69,000 บาท มีความตั้งใจ ต้องรักษาความสะอาด รักษาคุณภาพของอาหาร รักการบริการ และพร้อมจะเดินตามแผนงานของระบบแฟรนไชส์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ facebook : ส้มตำมาละเด้อ