ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

สนช.ผ่านร่าง กม. ภาษีออนไลน์ เคลื่อนไหวบัญีรับโอนเกิน 3 พันครั้ง สรรพากรเรียกสอบ


ภาษีออนไลน์ ผ่านแล้ว บัญชีรับโอน และฝากเงินเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือการฝากหรือรับโอนเงิน 200 ครั้ง รวมมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไป กรมสรรพากรเรียกตรวจสอบ และนำไปสู่การเก็บภาษี

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่างพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่….) พ.ศ….. เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นว่าด้วยการชำระเงินภาษีผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการแจ้งรายละเอียดของบุคคล และนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีรับโอน และฝากเงินเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือการฝากหรือรับโอนเงิน 200 ครั้ง รวมมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี กรมสรรพากรตรวจสอบ และนำไปสู่การเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวาระ 2 และวาระ 3

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ. ยืนยันว่า ไม่ใช่การบังคับจนเกินไป แต่เพื่อให้การเก็บภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างภาระทางภาษีในอนาคต รวมถึงต้องการยกระดับธุรกิจแบบเอสเอ็มอีด้วย

“ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ไม่ได้เจาะจงเก็บภาษีเฉพาะผู้ค้าออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ เพราะจากตัวเลขของกลุ่มที่ใช้แรงงาน อายุ 30 – 39 ปี ที่มี 10.7 ล้านคน พบว่าเป็นผู้มีเงินเดือนประจำ 8.2 ล้านคน ยื่นเสียภาษี 5.2 แสนราย และไม่มีระบบเงินเดือน 2.5 ล้านคน ยื่นเสียภาษี 3.1 แสนคน

ขณะที่ส่วนนิติบุคคลที่เสียภาษี มี 6.4 แสนราย และยื่นแบบเสียภาษีเพียง 4.2 แสนราย ทำให้สร้างภาระทางการคลัง ดังนั้น ผมยืนยันว่าร่างกฎหมายนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้เงินสดของประชาชน อีกทั้งผลดีของร่างกฎหมายคือช่วยตรวจสอบ และป้องปรามกลุ่มธุรกิจสีเทาได้ด้วย” นายวิสุทธิ์กล่าว

ในการประชุม สนช. ได้แสดงความเห็นคัดค้าน และขอให้แก้ไขสาระเพิ่มเติม เนื่องจากการรับฟังความเห็นประชาชนไม่ทั่วถึง และเนื้อหาสร้างภาระเกินความจำเป็น รวมถึงขาดหลักเกณฑ์รายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้อาจกระทบกับ สนช. ที่ได้รับเงินโอนจากค่าเบี้ยประชุม หรือรายได้อื่น เช่น เงินทำบุญทอดกฐิน ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ และนายตวง อันทะไชย ที่ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังขาดหลักเกณฑ์ รายละเอียดที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ได้เป็นผู้ค้าออนไลน์ แต่มีการทำธุรกรรมหลายครั้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกกรมสรรพากรเรียกตรวจสอบไปด้วย

นอกจากนี้ ยังบอกอีกด้วยว่า สนช. ทั้ง 240 คน ได้รับเงินและค่าเบี้ยประชุมผ่านการโอนเงินกว่า 200 ครั้ง ใน 1 ปี ซึ่งอาจทำให้ สนช. ถูกกวาดเข้ามาอยู่ในระบบด้วย ทั้งที่กฎหมายต้องตรวจสอบคนที่ไม่เสียภาษี แต่กลับดึงบุคคลอื่น ๆ เข้ามา จึงขอให้ทบทวน

จากนั้น ที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 3 ผลปรากฏว่า ที่ประชุมสนช. ที่มีผู้แสดงตนต่อที่ประชุม 146 คน ลงมติเห็นชอบ 139 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นด้วยกับข้อสังเกตของกมธ. ที่ระบุให้ผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูล ได้แก่ สถาบันการเงินของเอกชน และของรัฐ รวมถึงผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ต้องส่งรายละเอียดให้กรมสรรพากร

เพื่อใช้ประมวลร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เพื่อคัดเลือกรายบุคคลที่มีความเสี่ยต่อการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรมสรรพากรต้องพัฒนาระบบการทำงาน เพื่อไม่ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจแบบเลือกปฏิบัติ และเพื่อให้ประชาชนเสียภาษีได้ถูกต้องและได้รับผลกระทบน้อยที่สุด