ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เจาะตลาดชาออร์แกนิค Araksa โดนใจคนรักสุขภาพ


หากจะเอ่ยถึงลักษณะภูมิประเทศของไทยแล้ว นับว่าเป็นดินแดนที่มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางแถบภาคเหนือของไทยที่มีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น พืชพรรณเมืองหนาว ไม้ดอกไม้ประดับ ผลไม้ต่างๆ เป็นต้น และหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อที่นิยมปลูกและสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ นั่นก็คือ ชา ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ภาคเหนือถือว่าเป็นแหล่งผลิตชาที่ขึ้นชื่อของไทย

Araksa Organic Tea คือ ชาออร์แกนิคที่มีกรรมวิธีการปลูกแบบธรรมชาติ 100 % ด้วยทุกกระบวนการขั้นตอนตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บใบชา และการผลิตชา ล้วนมาจากวิธีธรรมชาติ ผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการดื่มชาจะทราบทันทีที่ดื่มว่า ชาAraksa มีรสชาติละมุน สามารถเข้าถึงทั้งรสและกลิ่นจากชาออร์แกนิคขนานแท้ 100 %

เฉลิมขวัญ แสนกล้า ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (Sales & Marketing Manager) กล่าวว่า Araksa เป็นไร่ชาที่มีความพิเศษอีกที่หนึ่งของ จ.เชียงใหม่ โดยมีการเพาะปลูกในแบบออร์แกนิค เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในการเที่ยวชมไร่ชา ได้เห็นถึงวิธีการผลิตชาในรูปแบบธรรมชาติ ได้ลงมือทดลองการทำชา และยังดื่มชาคุณภาพที่ผ่านกระบวนการแบบโบราณดั้งเดิม และยังสามารถซื้อชาออร์แกนิคเพื่อนำไปเป็นของขวัญของฝากให้กับคนที่รักได้อีกด้วย

“ต้นกำเนิดชาที่เราปลูกเริ่มจากมาจากตอนกลางของประเทศจีนเป็นพันปี มาตามเส้นทางธรรมชาติจนมามีแหล่งกำเนิดที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตรงนั้นจะมีไร่ชาหลายๆ ที่และอายุของต้นชาก็จะไล่เลี่ยกัน กลายเป็นแหล่งชาที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย แต่เดิมนั้นเราเน้นผลิตชาเพื่อการขายส่งอย่างเดียว ต่อมาเมื่อเห็นโอกาสทางการตลาดจากกระแสผู้คนที่หันมารักสุขภาพกันมากขึ้น และชาถือเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่นิยมซื้อหาให้เป็นของขวัญของฝาก จึงเริ่มหันมาผลิตชาและสร้างเป็นแบรนด์ของเราเองเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ชาAraksa ของเราได้รับCertificate USDA จากสหรัฐอเมริกาและ EU Pharming ซึ่งกว่าจะได้ผ่านการรับรองทั้งสองใบนี้ใช้เวลาประมาณกว่า 2 ปี เพราะต้องตรวจทั้งสภาพดิน สภาพสิ่งแวดล้อมด้านข้างและทุกอย่างที่เราใช้ ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ย ซึ่งเราผลิตเองและต้องเป็นออร์แกนิคจริงๆ โดยเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการผลิตภัณฑ์ชาที่มีคุณภาพเกรดเอ ทั้งนี้ เรายังคงผลิตชาเพื่อส่งออกต่างประเทศเช่นเดิม และยังเจาะเพิ่มในกลุ่มของผู้ที่รักสุขภาพที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในปัจจุบันด้วย”

 

กระบวนการผลิตชา Araksa คุณเฉลิมขวัญบอกว่า จะผลิตในแบบดั้งเดิม คือ การคั่วมือ ซึ่งจะใช้เวลาทำนานและได้ปริมาณน้อย คือ 1 กิโลกรัมเมื่อผ่านกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนจะเหลือน้ำหนักชาจริงๆ เพียง 2 ขีดเท่านั้น

“เรามีผลิตภัณฑ์ชาจำหน่ายให้กับลูกค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ชาขาว ชาเขียว และชารูปแบบต่างๆ ชาทุกประเภทมาจากใบชาชนิดเดียวกัน แต่ขึ้นอยู่กับการเด็ดว่าเราจะเด็ดแบบไหน เวลาใด เช่น ชาขาวเราจะเด็ดแค่ยอดชา  โดยจะเก็บใบชา 2 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงเช้า เมื่อเด็ดแล้วนำไปผึ่งแดดและไปวางบนตะแกรงบนเตาอบในอุณหภูมิต่ำ รสชาติที่ออกมาจะหอมละมุน ส่วนอีกประเภทจะเด็ดอีกครั้งในช่วงบ่ายจนถึงเย็น หลังจากเด็ดแล้วจะนำไปผึ่งแล้วอบในเตาอบ จะเห็นว่ากรรมวิธีจะแตกต่างทำให้รสชาติของชาแตกต่างกันด้วย สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวชาก็จะไม่เหมือนกัน รสชาติที่ซ่อนอยู่ก็จะมาจากสภาพแวดล้อม อากาศและระยะเวลากระบวนการผลิต ซึ่งจะมีรสซ่อนอยู่ เช่น มีความหวาน หรือมีกลิ่นดอกไม้ หรือเหมือนรสน้ำผึ้งซึ่งทุกอย่างมาจากธรรมชาติล้วนๆ อย่างชาเขียวเราก็จะใช้แค่ยอดชา 2 ใบ แต่เราจะใช้กรรมวิธีแบบโบราณ นั่นคือ กรรมวิธีการคั่วมือ หลังจากเด็ดแล้วเรานำไปคั่วในกระทะเหล็กแบบโบราณด้วยมือ คั่วร้อนๆ และนวดด้วยมือ เสร็จแล้วนำไปคั่วอีกครั้ง การต้มชาแต่ละชนิดก็จะไม่เหมือนกัน เช่น ชาเขียวจะใช้เวลา 1 นาทีเท่านั้น แต่หากต้องการรสเข้มข้นของชาก็สามารถทิ้งได้นานกว่านั้น อย่างชาขาวเราจะใช้เวลา 6 นาทีเพื่อรสชาติออกมาเพราะมันเพียงแค่ยอดชา ก็จะมีความละมุน นอกจากชาแล้ว เรายังมีพืชสมุนไพรอื่นที่เป็นออร์แกนิกด้วย เช่น ตะไคร้ อัญชัญ และเปเปอร์มิ้นต์ซึ่งจะปลูกตามฤดูกาล เราก็จะมาทำเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน เป็นต้น”

 

ปัจจุบันAraksa Organic Tea มีหน้าร้านในไร่ชา และมี Tea House พร้อมทั้งกิจกรรมทัวร์ไร่ชาสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีความสนใจเกี่ยวกับต้นกำเนิด กระบวนการผลิต และวิธีชงชา นอกจากนี้ยังได้ลิ้มรสชาชั้นเลิศ และยังสามารถหาซื้อชาคุณภาพเป็นของขวัญของฝากให้กับคนที่รัก สำหรับท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าจะหาของขวัญของฝากชิ้นไหนให้กับคนที่รักในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชาออร์แกนิค Araksa เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ

 ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากFacebook Page : ARAKSA TEA GARDEN