โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ธุรกิจจัดทำเว็บรุ่ง มูลค่าตลาดกว่า 3 ล้านล้านบาท โต 8.76 %

ธุรกิจอี-คอมเมิร์ชบูม ส่งผลให้ธุรกิจการจัดทำเว็บเพจเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2561 มีอัตราการเติบโต8.76 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในปี 2561 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.06 ล้านล้านบาท มีบริษัทมาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 46.01 % หรือ 238 ราย

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าจากการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ชที่เพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้ สถิติการจัดตั้งใหม่ของธุรกิจการจัดทำเว็บเพจในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 61 ว่า มีจำนวน 238 ราย เพิ่มขึ้น 46.01% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 355 ล้านบาท เพิ่ม 33.45% ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเติบโตต่อเนื่องทั้งจำนวนรายและมูลค่าทุน “สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเว็บเพจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดเฉลี่ย 22.32% ต่อปี หรือมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 4,680 ล้านบาทต่อปี และมีกำไรเฉลี่ย 262 ล้านบาทต่อปี ปี โดยปี 60 มูลค่าอยู่ที่ 2.81 ล้านล้านบาท ส่วนปี 61 คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.06 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.76% ทำให้ธุรกิจการจัดทำเว็บเพจขยายตัวตาม”

นอกจากนี้ยังเป็นผลจากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะผลักดันให้ประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น นโยบายเน็ตประชารัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การดำเนินธุรกิจของไทยเปลี่ยนจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจจัดทำเว็บเพจเติบโตได้อีกมาก คาดว่ารายได้ของธุรกิจกลุ่มนี้จะเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ธุรกิจการจัดทำเว็บเพจอาจต้องเตรียมความพร้อมรับมือการปรับเปลี่ยนของโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ที่เริ่มจัดกลุ่มลูกค้าทางธุรกิจ โดยการเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น ทำหน้าร้านแบบครบวงจรผ่านแอปพลิเคชัน และลงโฆษณาโปรโมทเพจ ดังนั้น ธุรกิจจัดทำเว็บเพจควรสร้างจุดแข็งในด้านความน่าเชื่อถือ เน้นการออกแบบพัฒนาที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า และนำเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาเว็บเพจ เพื่อสร้างความแตกต่างและรักษาส่วนแบ่งตลาดต่อไป

ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) 3 ฉบับ ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, เจดีดอทคอม (JD.com) และเจดี เซ็นทรัล ว่า ความร่วมมือครั้งนี้เพื่อ ขยายความร่วมมือในการนำสินค้าไทยไปค้าขายผ่านออนไลน์ และเปิดตลาดค้าออนไลน์ในจีน ที่ ปัจจุบันมูลค่าการค้าออนไลน์ในจีนอยู่ที่ 9 ล้านล้านหยวน และจะเพิ่มเป็น 12 ล้านล้านหยวน ในปี 63 คิดเป็นสัดส่วน 10% ของการค้ารวม