ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

คลัง แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มอีกกว่า 3 ล้านราย ใน 7 จังหวัด


นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เผยว่า กรมบัญชีกลางได้จัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 โดยจะเริ่มแจกบัตรฯ ผ่านทีมไทยนิยม ยั่งยืน ทั่วประเทศ จำนวน 3,042,741 ราย ส่งผลให้ผู้มีบัตรสวัสดิการฯทั้งหมดเป็น 14.5 ล้านราย

ซึ่งบัตรสวัสดิการฯที่จะแจกในครั้งนี้ มี 2 แบบ คือ

1.บัตรแบบ Contactless เป็นบัตรที่สามารถใช้ได้กับเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ชนิดโมบาย ที่จะแจกให้กับผู้มีสิทธิที่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันใน 7 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม 

2. บัตรแบบ Smart Card ซึ่งจะแจกให้กับผู้มีสิทธิในจังหวัดอื่น ๆ นอกเหนือจาก 7 จังหวัดข้างต้น ขณะนี้ได้จัดส่งบัตรไปที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานครเรียบร้อย เพื่อส่งต่อให้ถึงมือผู้มีสิทธิได้รับบัตรตามที่มีการประกาศรายชื่อ

ส่วนเวลาในการรับบัตรสวัสดิการฯ ได้แก่

1.ตั้งแต่วันที่ 21 – 28 ธันวาคม 2561 รับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ระดับตำบล/ชุมชน ซึ่งจะแจ้งจุดรับบัตรให้ทราบ และเริ่มใช้บัตรได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562

2. ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2561 – 31 มกราคม 2562 รับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ระดับตำบล/ชุมชน ซึ่งจะแจ้งจุดรับบัตรให้ทราบ และบัตรจะเริ่มใช้ได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วันทำการ

3. ตั้งแต่วันที่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 รับบัตร ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร ตามที่อยู่ปัจจุบันที่ลงทะเบียนไว้ และบัตรจะเริ่มใช้ได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วันทำการ

4. หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้มีสิทธิจะต้องไปรับบัตรที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในจังหวัดที่ผู้มีสิทธิได้ลงทะเบียนไว้ และบัตรจะเริ่มใช้ได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วันทำการ

ทั้งนี้การขอรับบัตรฯให้ผู้มีสิทธินำบัตรประจำตัวประชาชนมารับบัตรด้วยตนเอง หากมอบให้ผู้อื่นมารับบัตรแทน จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้มีสิทธิและผู้มอบอำนาจ พร้อมด้วยหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรฯ ของผู้มอบอำนาจที่ได้ลงนามรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่มารับบัตรทุกกรณีจะต้องลงชื่อเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับบัตรด้วย

ส่วนสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการฯจะสามารถใช้สิทธิได้ 2 ประเภท ได้แก่

1.สิทธิในกระเป๋าวงเงิน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยรถขสมก./รถไฟฟ้า ได้รับ 500 บาท/คน/เดือน ,รถโดยสาร บขส. ได้รับ 500 บาท/คน/เดือน ,ค่าโดยสารรถไฟ ได้รับ 500 บาท/คน/เดือน ,ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

จะได้รับวงเงิน 300 บาท/คน/เดือน ส่วนผู้มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับวงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน และส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มได้รับ 45 บาท/คน/3 เดือน ทั้งนี้ หากมีวงเงินคงเหลือภายในบัตรของแต่ละเดือนจะไม่มีการสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไป และไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกมาเป็นเงินสดได้

2. สิทธิในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี คนละ 500 บาท (จ่ายเพียงครั้งเดียว) จะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 ,มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ผู้มีสิทธิจะได้รับช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน ,ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 จะโอนเงินเข้าบัตรตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากการไฟฟ้าและการประปา ทุกวันที่ 18 ของเดือน 

มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 400 บาท/คน/เดือน หากผู้มีสิทธิรายใดมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในระหว่างเดือนธันวาคม 2561 จนถึงเดือนกันยายน 2562 จะได้รับเงินในเดือนเกิดเป็นครั้งแรกจนสิ้นสุดมาตรการ โดยจะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนเงินช่วยเหลือให้ทุกวันที่ 12 ของเดือนเกิด ,มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล สำหรับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 – กันยายน 2562 ได้รับเงินคนละ 1,000 บาท (จ่ายเพียงครั้งเดียว) โดยจะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปี ทุกวันที่ 21 ของเดือนเกิด

นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อยังชีพ จากบัญชีกองทุนผู้สูงอายุสำหรับภาษีสรรพสามิตและสุรายาสูบ โดย 1. ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บาท/คน/เดือน และ 2. ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาท/คน/เดือน ซึ่งจะเริ่มโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนให้ทุกวันที่ 15 ของเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่อายุยังไม่ครบ