ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

กระแสบ้านล้านหลังตอบรับดี ผู้มีรายได้น้อยขอยืดเวลา ขณะที่ภาคอีสานขอรับสิทธิสูงสุด


จากกระแสการตอบรับโครงการบ้านล้านหลังเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ที่ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. สนองนโยบายภาครัฐในกรอบวงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท โดยให้ประชาชนลงชื่อจองสิทธิสินเชื่อรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น. ผลปรากฏว่า มียอดจองสิทธิโครงการอยู่ที่เกือบ 130,000 ล้านบาท ทะลุกรอบวงเงินสินเชื่อที่กำหนด โดย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจองสูงที่สุด 29,000 ล้านบาท ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยอดจอง 18,000 ล้านบาท โดยผู้จองสิทธิสามารถตรวจสอบวันให้ยื่นกู้ได้ที่ www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2561 เตรียมเปิดให้ผู้ที่จองสิทธิสินเชื่อ 30,000 รายแรก ยื่นคำขอกู้วันที่ 2 มกราคม 2562 เป็นต้นไป 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารกำหนดจัดขึ้นทุกสาขาพร้อมกันทั่วประเทศวันเดียวกัน พบว่ายอดจองสิทธิสินเชื่อทั่วประเทศรวมกันเกือบ 130,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งภาคที่มียอดจองสูงที่สุด คือ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจอง 29,000 ล้านบาท สาขาภาคใต้ มียอดจอง 27,000 ล้านบาท สาขาภาคกลาง ยอดจอง 19,000 ล้านบาท กรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดจอง 18,000 ล้านบาท สาขาภาคตะวันออก 16,000 ล้านบาท สาขาภาคเหนือ ยอดจอง 13,000 ล้านบาท และสาขาภาคตะวันตกยอดจอง 5,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารสามารถสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างความมั่นคงในชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยังแสดงให้เห็นว่าประชาชนยังต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นอย่างมากอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้จองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังสามารถนำ SMS ที่ได้รับจากธนาคาร ซึ่งระบุรหัสในการจองไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นเอกสารคำขอกู้ตามวันที่ ธนาคารกำหนด โดยผู้จองก่อนมีสิทธิได้ลำดับการยื่นกู้ก่อน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบวันให้ ยื่นกู้ได้ที่ www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป โดยธนาคารเตรียมเปิดให้ผู้ที่ จองสิทธิสินเชื่อ 30,000รายแรก ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 และต้องติดต่อยื่นคำขอกู้กับธนาคารภายใน  90 วัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ทางด้าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คิดโครงการสินเชื่อบ้านผู้มี รายได้น้อยเพิ่มอีก เพื่อให้ประชาชน “ผู้มีรายได้น้อย”และ “ผู้สูงอายุ” ที่ใกล้เข้าสู่วัยเกษียณ เข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่ อาศัยง่ายขึ้น จากผลการตอบรับดังกล่าวทำให้ ทราบว่า ผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่ให้ ความสนใจเป็นจำนวนมาก บางพื้นที่แย่งกันต่อคิว จนเกิดการกระทบกระทั่งอย่างที่ จ.นครราชสีมา ทำให้เจ้าหน้าที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ต้องใช้ เครื่องขยายเสียงระงับเหตุ จึงมีเสียงสะท้อนจากประชาชน ขอให้ขยายเวลาออกไปอีก มองว่าให้เวลาเพียงวันเดียวและจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ในส่วนข้อกังวลว่าโครงการ “บ้านล้านหลัง” จะทำให้เกิด “หนี้เสีย” ในอนาคตหรือไม่นั้น กรรมการผู้จัดการ ธอส.ชี้แจงว่า ฝ่ายสินเชื่อได้คำนวณแล้วว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และวันที่25 ธ.ค.จะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านสิทธิ์ยื่นกู้ล็อตแรก 3 หมื่นล้านบาท และจะทยอยพิจารณาสินเชื่อทุกๆ 90 วัน ซึ่งอาจมีบางคนที่กู้ไม่ผ่านเพราะติดเครดิตบูโร ก็จะตรวจสอบไปเรื่อยๆจนครบ

สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง พร้อมออกบูธนำเสนอโครงการได้ แก่

1.การเคหะแห่งชาติ นำโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวม 141 โครงการ 10,070 หน่วย เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังของ ธอส.มีทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด 2 ชั้น ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น และอาคารชุดสูง 3 – 5 ชั้น ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 374,000 บาท ขึ้นไป โดยมีทำเลที่น่าสนใจในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น ร่มเกล้า รามอินทรา (คู้บอน) นครชัยศรี (ท่าตำหนัก) นนทบุรี (วัดกู้ 2) ปทุมธานี (ลาดหลุมแก้ว 2) ตลาดไท (เทพกุญชร 34) สมุทรปราการ (เทพารักษ์ 3) เมืองใหม่บางพลี สมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 2) เป็นต้น

ส่วนทำเลที่น่าสนใจในจังหวัดต่างๆ เช่น สมุทรสงคราม (แม่กลอง) สระบุรี (หนองน้ำไข่) พิษณุโลก (บึงพระ 1) ฉะเชิงเทรา (ลาดขวาง) ชลบุรี (นาจอมเทียน และนาเกลือ) ระยอง (บ้านฉาง 3) นครราชสีมา (โชคชัย) เชียงใหม่ (ป่าตัน) เชียงใหม่ (สันป่าตอง) ภูเก็ต (ถลาง) สงขลา (หาดใหญ่ – ลพบุรีราเมศวร์) และบุรีรัมย์ (อีสาน 2) เป็นต้น

2.บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน ) (LPN) นำ 5 โครงการพร้อมอยู่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ร่วม ได้แก่  ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1, ลุมพินี คอนโดทาวน์ ชลบุรี-สุขมวิท,  ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก, ลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า-ริเวอร์วิว และลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว 2 จำนวนจำกัด ในราคาเริ่มต้น  760,000 – 1,000,000 บาท การันตีความสุขหลังการเข้าพั กอาศัยด้วยกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” จากประสบการณ์ที่มีมากว่า 30 ปีของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัดในเครือ LPN สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม LPN Call Center 02-689-6888หรือ www.lpn.co.th”

นอกจากนี้ ยังมีโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้  ด้วย อาทิ

          – โครงการรีเจ้นท์โฮม บางซ่อน กรุงเทพฯ โดยบริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด
          – โครงการรีเจ้นท์โฮม สุขุมวิท 81 กรุงเทพฯ โดยบริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด
          – โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 จ.ปทุมธานี โดยบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
          – โครงการพลัม คอนโด พหลโยธิน 89 จ.ปทุมธานี โดยบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
          – โครงการเพลิน เพลิน คอนโดมิเนียม เฟส 1-2 บางบัวทอง-เวสต์เกต จ.นนทบุรี โดยบริษัท วิถีไทย เรียลเอสเตท จำกัด
          – โครงการเฟื่องฟ้าวิลล่า โครงการ 17 จ.สมุทรปราการ โดยบริษัท ชลนภา จำกัด
     
          โครงการในภูมิภาค อาทิ

          – โครงการภายใต้บริษัท เค.ที.แลนด์ จำกัด จ.สมุทรสาคร
          – โครงการริเวอร์ ทาวน์ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดย แอล.เอช.เอ็ม พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป 
          – โครงการวิว คอนโด อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด วิว คอนโด 1
          – โครงการ City link condo ถ.มิตรภาพ เฟส 1 จ.นครราชสีมา โดยบริษัท คลัง คาซ่า จำกัด
          – โครงการพิมานมุรี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เฟส 1 โดยอีสานพิมานกรุ๊ป
          – โครงการภายใต้บ้านสวยกรุ๊ป จ.สุราษฎร์ธานี โดยบ้านสวยกรุ๊ป สุราษฎร์ธานี