สำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้พิเศษ อย่างหาของขายตามตลาดนัดต่างๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นขายอะไรดี เพราะเงินลงทุนก็มีไม่มากนัก ยิ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้การจะลงทุนด้วยเงินทุนก้อนใหญ่ก็ดูจะมีความเสี่ยง เอสเอ็มอี ชี้ช่องรวย ขอแนะนำไอเดียเริ่มต้นสำหรับของที่นำมาขายในตลาดนัด ที่ขายง่าย ราคาถูก ใช้เงินลงทุนไม่มาก ถ้าทำอร่อยรับรองขายหมดตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่วางขายกันเลยทีเดียว
1.“หม่าล่า” ปิ้งย่าง (ต้นทุน 60 % , กำไร 40 % โดยประมาณ)
เป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงมากในช่วงนี้กับหม่าล่า ซึ่งหากใครกำลังมองหาธุรกิจเพื่อเปิดร้านเป็นของตัวเอง หม่าล่าก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะด้วยวิธีการทำที่ไม่ได้ยุ่งยาก และการใช้ต้นทุนที่ต่ำ เพียงแค่มีเตาย่าง กับวัตถุดิบสำหรับปิ้งย่าง เช่น เนื้อหมู ไก่ ปลาหมึก ไส้หมู สามชั้น รวมถึงผักต่างๆ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ผงปรุงรสหม่าล่า ที่เป็นจุดเด่นในการขาย ด้วยความที่หม่าล่ามีรสชาติเผ็ดแสบถึงใจ ทำให้เป็นที่ถูกปากและถูกใจใครหลายๆคน
2.ข้าวไข่เจียว (ต้นทุน 50 % , กำไร 50 % โดยประมาณ)
หลายคนอาจจะคิดว่า ข้าวไข่เจียวเป็นเมนูง่ายๆ ใครๆสามารถทำกินได้ที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขายและคงไม่มีคนซื้อ เพราะเป็นเมนูที่น่าเบื่อ แต่รู้ไหมว่า เมนูข้าวไข่เจียวนี้ สามารถสร้างรายได้ได้ดีเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเห็นตามเทศกาลหรือตลาดใหญ่ๆ ก็จะมีร้านข้าวไข่เจียวเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้เราได้เห็นกัน เพราะวิธีทำที่แสนจะง่าย และเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยรับประทาน หรือในบางเจ้าก็จะมีวัตถุดิบอื่นๆมาใส่เพิ่ม เพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ มีทั้งชีส เห็ด ไส้กรอก สาหร่าย และอีกหลากหลายวัตถุดิบ กลายเป็นข้าวไข่เจียวทรงเครื่องยอดฮิตไปแล้วตอนนี้
3.สลัด (ต้นทุน 70 % , กำไร 30 % โดยประมาณ)
สลัดถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นิยมทำกัน เป็นธุรกิจสำหรับสายสุขภาพอีกด้วย และสามารถสร้างรายได้งามๆได้เลยทีเดียว คนสมัยนี้ก็หันมาดูแลสุขภาพ และกินอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคนกลุ่มนี้คือ สลัด เพราะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ และยังไม่อ้วนอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก นอกจากสลัด สิ่งที่จะดึงดูดธุรกิจนี้ได้ก็คือ น้ำสลัด ถ้าหากมีสูตรน้ำสลัดรสชาติอร่อย ก็คงไม่ยากที่จะสร้างรายได้จากวิธีนี้
4.น้ำพริกผักลวก (ต้นทุน 70 % , กำไร 30 % โดยประมาณ)
เป็นเมนูทุกมื้อในบ้านก็ว่าได้ เพราะมีความอร่อย และเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตายาย สำหรับเมนูน้ำพริกผักลวก ที่เขาชอบขายกันในตลาดนัด มีความหอม แต่หารู้ไม่ว่า มันสามารถสร้างรายได้เสริมให้เราได้ดีเลยนะ ด้วยความที่เป็นเมนูคู่บ้านคู่เมืองของเรามาตั้งแต่โบราณ แต่ก็ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า เก๋าเกมส์ เวลาไม่ทำให้ความต้องการของคนกินจางหายไปได้เลย
5.ซูชิ (ต้นทุน 70 % , กำไร 30 % โดยประมาณ)
พอพูดถึงเมนูนี้ ทุกคนต่างก็รู้กันดี เพราะเป็นเมนูที่ชื่นชอบและเป็นที่รู้จักดีในไทย และได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมาก ด้วยภายใต้ราคาที่ไม่แพงและเป็นอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์และรสชาติเฉพาะตัว สามารถขายได้ในราคาขั้นต่ำที่ 5 บาท เรียกได้ว่าซื้อง่ายขายได้ดีกันเลยทีเดียว
6.ชา-กาแฟโบราณ (ต้นทุน 25 % , กำไร 75 % โดยประมาณ)
ชา-กาแฟโบราณถือเป็นธุรกิจขายดีได้เลยทีเดียว เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อาจจะเริ่มจากการเปิดร้านเล็กๆ หาทำเลดีๆสักแห่ง ที่สำคัญคือสูตรชา-กาแฟที่รสชาติอร่อย หรืออาจจะคิดค้นเมนูของตัวเองเป็นตัวดึงดูดลูกค้า และขายคู่กับเมนูขนมปังปิ้งต่างๆ ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ซึ่งการขายพวกน้ำหวานเหล่านี้นั้น นอกจากจะใช้เงินลงทุนน้อยแล้ว ยังขายได้กำไรดีอีกด้วย
หมายเหตุ : สินค้าบางอย่างต้นทุนไม่สูงมาก เช่น ชา-กาแฟ อาจขายได้กำไรมากกว่า แต่ก็อย่าลืมว่า ต้นทุนต่ำ กำไรเยอะ ทำง่าย ทำให้หลายๆคนหันมาขายน้ำหวาน ก็อาจทำให้มีคู่แข่งเยอะ ซึ่งขายได้กำไรเยอะก็จริง แต่คู่แข่งเยอะอาจจะทำให้แย่งลูกค้ากันจนรายได้ต่ำลง ในทางกลับกันการขายพวก สลัด หรือ น้ำพริกผักลวก อาจมีต้นทุนที่สูง แต่สูตรการทำน้ำสลัด หรือ ฝีมือการทำน้ำพริก ให้อร่อยนั้น เป็นสูตรลับเฉพาะของแต่ละร้าน ซึ่งหากลูกค้าติดใจในรสชาติแล้วอาจกลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อยๆ ทำให้ได้ฐานลูกค้าประจำนำมาซึ่งรายได้ที่ยั่งยืน และ มั่นคงกว่า อีกทั้งสูตรการปรุงอาหารนั้นเลียนแบบได้ยากกว่า
นี่เป็นแค่ตัวอย่างและคำแนะนำสำหรับใครที่มีความคิดอยากที่จะเริ่มเปิดธุรกิจ แต่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรควรที่จะศึกษาหาความรู้และทิศทางการค้าสำหรับสิ่งนั้นให้ดีที่สุด เพื่อรู้ถึงความต้องการของลูกค้า และคุณจะสามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ นอกเหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องมีความเชื่อมั่นและลงมือทำ ความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลแน่นอนค่ะ
ขอบคุณเนื้อหา : www.news-amazing.com
