ด้วยมาตรการของรัฐบาลส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมา และทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง แต่ก็มีปัจจัยต้านหลายปัจจัยหากต้องการสร้างตลาดนี้ให้โต ต้องเผชิญกับความท้าทาย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะมีจำนวนประมาณ 10.80-10.99 ล้านคน เติบโตประมาณ 2.5%-4.3% จากปี 2561 (สาเหตุของอัตราการเพิ่มขึ้นที่ชะลอลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานของนักท่องเที่ยวจีนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น) สำหรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 5.98-6.09 แสนล้านบาท ขยายตัวประมาณ 3.0%-5.0% จากปี 2561
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ 5-6 เดือนมีการชะลอตัวเกิดจากการเร่งทำตลาดของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียม Visa on Arrivals ที่ทำให้สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาดีขึ้น ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2562 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยประมาณ 325,000 คน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ความท้าทายจากประเด็นเศรษฐกิจจีน สถานการณ์การแข่งขันระหว่างประเทศที่เข้มข้น และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ส่งผลให้การทำตลาดนักท่องเที่ยวมีความซับซ้อนมากขึ้น
แม้ว่าบรรยากาศโดยรวมและความเชื่อมั่นของตลาดจะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับจากความร่วมมือของทุกฝ่าย อีกทั้งไทยยังนับว่าเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีปัจจัยท้าทายอีกหลายประการที่อาจกระทบต่อแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในระยะถัดไป ที่สำคัญคือ ประเด็นกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ สถานการณ์การแข่งขันกันดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนไปยังประเทศต่างๆ และความหลากหลายของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนในยุคดิจิทัล
•ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของจีน สร้างความกดดันต่อการทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจเ เห็นได้จากเศรษฐกิจจีนปี 2562 ยังมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการที่รัฐบาลท้องถิ่นจีน 12 จังหวัดจาก 31 จังหวัด ได้มีการปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2562 ท่ามกลางหลากหลายปัจจัยลบ
•ความท้าทายจากการแข่งขันระหว่างประเทศในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ในตลาดแถบเอเชียตะวันออก (ไม่รวมฮ่องกงและมาเก๊า) นั้น นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยยังครองสัดส่วนมากที่สุดราว 37% จากนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวใน 4 ประเทศ แต่นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวญี่ปุ่นและเวียดนามก็เร่งขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวเกาหลีใต้ก็เริ่มฟื้นตัวเช่นกัน สะท้อนถึงสถานการณ์การแข่งขันในตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เข้มข้น ตลอดจนแสดงให้เห็นว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวได้ไม่ยาก
•พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนมีความหลากหลาย และให้น้ำหนักกับประเด็นด้านคุณภาพและประสบการณ์การท่องเที่ยวมากขึ้น เป็นโจทย์สำหรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจีนมีความหลายหลายมากขึ้น ทั้งพฤติกรรมความชอบ ความแตกต่างระหว่างกลุ่มช่วงอายุ (Generation) และสถานะทางสังคมของนักท่องเที่ยวจีน อีกทั้งด้วยเทคโนโลยียุคดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่หลากหลายทำได้ง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการวางแผนมากนัก ขณะที่เทรนด์นักท่องเที่ยวจีนแสวงหาการท่องเที่ยวในรูปแบบที่เป็นอิสระมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนในการจัดการการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการสัมผัสกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ (Chinese Tourist 2.0) โดยนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคนรุ่นใหม่ยอมจ่ายเงินเพื่อคุณภาพของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องสภาพแวดล้อมอย่างภูมิอากาศ เหตุการณ์ภัยพิบัติ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ก็เข้ามามีอิทธิพลต่อการเลือกเดินทางท่องเที่ยวเช่นกัน ส่งผลให้การทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีความซับซ้อนมากขึ้น
โดยสรุปการออกแบบผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและการทำตลาดนักท่องเที่ยวจีน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่องยังคงต้องเน้นประเด็นด้านคุณภาพโดยเฉพาะการชูจุดแข็งของแหล่งท่องเที่ยวและบริการที่น่าประทับใจและปลอดภัย ควบคู่กับราคาที่คุ้มค่าและแข่งขันได้ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนที่หลากหลาย ซึ่งในอนาคตการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนคงมีแนวโน้มให้น้ำหนักมากขึ้นต่อสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงและหาไม่ได้ง่ายนักในยุคที่กระแสธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตและก้าวไกล