ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

เปิดมุมมอง “ธนูศักดิ์ พึ่งเดช” กับการบุกตลาดแฟรนไชส์ “สระว่ายน้ำ” รับกระแสท่องเที่ยวบูม


ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ไทยถือว่าได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบของธุรกิจแฟรนไชส์ก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ด้วยงบประมาณการลงทุนแฟรนไชส์ตามขนาดและทุนของผู้ลงทุน และอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่น่าสนใจและสามารถเติบโตล้อไปกับธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็คือ แฟรนไชส์สระว่ายน้ำ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสระว่ายน้ำ ซึ่งถ้าหากเอ่ยถึง เจ.ดี.พูลส์ เชื่อได้เลยว่าหลายคนจะต้องรู้จัก

ในงานสถาปนิก’62 ที่ผ่านมา ทีมงาน เอสเอ็มอี ชี้ช่องรวย ได้มีโอกาสไปร่วมงานและได้ไปเดินดูนวัตกรรมภาคการก่อสร้าง และได้พบปะพูดคุยกับ คุณธนูศักดิ์ พึ่งเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และได้พูดคุยกันถึงทิศทางของตลาดสระว่ายน้ำซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า ทิศทางการเติบโตค่อนข้างดีทีเดียว

“คุณธนูศักดิ์” ได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดบ้านที่มีสระว่ายน้ำ โดยคาดว่าบริษัทฯ เป็นอันดับ 1 ของตลาด คิดเป็น 60 %ของตลาดบ้านทั้งหมด โดยประมาณการยอดจำหน่ายของบริษัทฯ ในปีนี้ทั้งประเทศและรวมทั้งส่งออกรวมแล้วประมาณ 800 ล้านบาท แม้ดูว่าไม่ได้เติบโตมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามตลาดภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2560 แล้วถือว่าปีนี้ดีขึ้นมาก

“ตอนนี้เราส่งออกสระว่ายน้ำและอุปกรณ์สระว่ายน้ำไปแล้วที่ประเทศพม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา และในแถบอาเซียน นอกจากนี้ยังมีอินเดีย โมร็อคโค อียิปต์ และบางประเทศ เช่น ยูเครน รัสเซีย แต่ส่งออกไม่มาก โดยตลาดพม่ามีการส่งออกมากที่สุด เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวที่นั่นเติบโตมากขึ้น มีการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ทเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงได้รับอานิสงค์ อย่างไรก็ตาม ตลาดในไทยอย่างโรงแรม บ้านที่อยู่อาศัย รีสอร์ท หรือแม้แต่โครงการอสังหาฯต่างๆ ก็เริ่มมีเข้ามา เพราะมีโครงการที่อยู่อาศัยที่ขายพร้อมสระว่ายน้ำมากขึ้น โครงการคอนโดมิเนียมเริ่มเปลี่ยนจากอ่างจากุซซี่เป็นสระว่ายน้ำมากขึ้น ปัจจุบันคนไทยสร้างบ้านด้วยความสุขมากขึ้น มีกิจกรรมระหว่างสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นด้วย”

เมื่อทีมงานเอ่ยถามถึงการขยายตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ “คุณธนูศักดิ์” ตอบว่าบริษัทฯ ยังคงขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาจำนวน 22 โชว์รูม แบ่งเป็น แฟรนไชส์ 15 สาขา และ 7 สาขา เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ขยับไปต่างประเทศมากเท่าใดนัก เนื่องจากจะเน้นในเรื่องการขายส่งมากกว่า เพราะฉะนั้นในธุรกิจของเจ.ดี.พูลส์ จะทำในเรื่องของการทำโรงงานผลิต มีการขายส่งออกไปต่างประเทศ และเปิดสำนักงานขายเป็นของตัวเอง ในรูปแบบแฟรนไชส์ที่ขายส่งให้กับแฟรนไชส์ด้วยกัน มูลค่าตลาดแฟรนไชส์ในตลาดรวมของเจ.ดี.พูลส์ปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 60 % ของยอดขาย ถือว่าเติบโตขึ้นมาก

“ที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นในเรื่องของนวัตกรรม เราขายจุดเด่นเรื่องของความไม่มีปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่การทำธุรกิจนี้มักจะมีปัญหาที่ไม่จบ เราเน้นนวัตกรรมของคนไทยที่พัฒนาแบบไร้กังวล เราสามารถสร้างสระใน 22 สาขาแล้วสระไม่มีวันรั่วซึ่งมันคือนวัตกรรม เราเป็นบริษัทผลิตสระว่ายน้ำไทยส่งออกสร้างชื่อเสียงและรายได้กลับมาสู่ประเทศ เรามีศูนย์บริการคอยให้บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ เราทำธุรกิจมาแล้วร่วม 22 ปี อยู่กับนวัตกรรมและการพัฒนามายาวนาน”

“คุณธนูศักดิ์” มีแผนที่จะขยายสาขาไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น บุรีรัมย์ หรือจังหวัดในแถบอีสานใต้ และบางจังหวัดที่จะขยายต่อจากกรุงเทพฯ ได้แก่ พัทยา หรือชลบุรี และหลายจังหวัดทางภาคใต้ที่กำลังมีในเรื่องของการท่องเที่ยว อย่าง ชุมพร พัทลุง

“ขณะนี้เรามีสาขาแฟรนไชส์ 15 แห่ง และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์เพิ่มอีก 5 แห่ง รวมเป็น 20 แห่งภายใน 2 ปีนี้ (2562-2563) ซึ่งเมื่อรวมกับตัวแทนจำหน่ายอีก 7 แห่ง รวมแล้วจะมีทั้งหมด 27 สาขา โดยคาดว่าทั้งหมดจะมาจากตลาดท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนซื้อแฟรนไชส์กับเรา เพียงคุณมีเงินลงทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านบาท ก็สามารถเปิดทำแฟรนไชส์ได้ทันที”

“คุณธนูศักดิ์” บอกถึงข้อดีของการทำแฟรนไชส์เจ.ดี.พูลส์ คือ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ผู้ลงทุนจะลงทุนเพียงการตกแต่งร้านเป็นหลัก หากผู้ลงทุนมีที่ดินหรืออาคารอยู่แล้วก็จะสามารถลดต้นทุนไปได้อีก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเรียนรู้ ผู้ลงทุนจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจในเรื่องผลิตภัณฑ์ การติดตั้งระบบ การให้บริการ

“เราให้การสนับสนุนในเรื่องของการอบรม ออกแบบโชว์รูมและคอนเซ็ปต์ของร้านค้าให้ และให้การอบรมไม่น้อยกว่า 30-60 วัน มีสินค้าตัวอย่างให้ไปโชว์ มีพาไปดูงานการก่อสร้างสระว่ายน้ำและการขายสระว่ายน้ำในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์บริการทั้งคู่ การทำธุรกิจแฟรนไชส์มีข้อดีในเรื่องของการมีอิสระเพราะผู้ลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจเอง คนที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์จะทำงานอย่างเต็มที่ และด้วยความเป็นคนในพื้นที่จึงมีความกว้างขวางและใกล้ชิดกับคนในพื้นที่มากกว่าถือเป็นโอกาสและข้อดีของธุรกิจนี้”

ปัจจุบัน “คุณธนูศักดิ์” ที่แผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 186 ยูนิต แต่ละห้องมีความพิเศษอย่างที่โครงการอื่นไม่มีและเป็นโครงการแรกของประเทศ คือ มีสระว่ายน้ำในระบบน้ำอุ่นตรงระเบียงทุกห้อง โดยมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการและเริ่มเปิดขายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562 ที่จะถึงนี้