การที่เรามีความฝันและต้องการประสบความสำเร็จ เราจะต้องมองในสิ่งที่เรามีแบบยิ่งใหญ่ไว้ก่อน โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบเพราะมีความเชี่ยวชาญหรือถนัดคุ้นเคยมากกว่า จะสังเกตได้ว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากสิ่งที่ชื่นชอบด้วยกันทั้งนั้น แต่เราจะมองความสำเร็จในอนาคตอยู่ในระดับไหนนั้น ขึ้นอยู่กับ “ความคิด”
เช่นเดียวกับ “คุณใบพัด” หรือ อธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร เจ้าของแบรนด์ ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์ ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้วยการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แล้วขยายต่อเนื่องจนกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตในรูปแบบของแฟรนไชส์และผงาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านแล้วในขณะนี้
“คุณใบพัด” ย้อนความเป็นมาเมื่อครั้งละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังโด่งดังในขณะนั้น และมีช่วงตอนที่กล่าวถึงการทำอาหารคาวหวานของไทย ซึ่งตัวเขาเองก็มีความชื่นชอบอาหารไทยโดยเฉพาะขนมไทยอยู่ก่อนแล้ว และตอนนั้นเทรนด์การทำขนมกำลังมาแรงและคิดว่าตัวเขาเองก็ทำได้เช่นกัน จากแนวคิดนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำขนมอะไรสักอย่าง กอปรกับตัวเขาเองก็มีเตาขนมครกอยู่แล้ว จึงทดลองทำขนมครกใบเตยสูตรของญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง โดยระยะแรกนั้นยังไม่ได้ทำขาย แต่ด้วยความชอบเมื่อลองทำให้เพื่อนๆ ทานก็ได้รับการตอบรับที่ดีและแนะนำให้เขาลองทำขาย จึงเป็นที่มาของการทำธุรกิจขนมครกใบเตยในแบบฉบับของคุณใบพัดเอง
“คำว่า “ขายได้” จะต้องทำให้ดีด้วย รวมทั้งขายอย่างไรให้เด่นและแปลก ซึ่งตรงนี้ถือเป็นคอนเซ็ปต์ของผม สูตรขนมครกจะมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของใบพัดเอง คือ จะต้องไม่เหมือนใคร และต้องไม่เหมือนในท้องตลาด ผมต้องการพัฒนาขนมไทยที่เห็นตามข้างถนนให้สามารถดังไกลไปยังตลาดโลก และได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกให้ได้”
เมื่อความต้องการให้ขนมครกของไทยกลายเป็นรู้จัก และต้องการสร้างความแตกต่าง “คุณใบพัด” จึงได้ศึกษาเทรนด์โลกในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ในที่สุดจึงทราบว่าเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง จึงมีแนวคิดที่จะทำขนมเพื่อสุขภาพ จึงเริ่มต้นจากการเชิญนักโภชนาการมาพูดคุยบอกถึงความต้องการที่จะทำขนมเพื่อสุขภาพกับเชฟมิชลินสตาร์ จนในที่สุด จึงได้คิดค้นพัฒนาแป้งทำขนมเพื่อสุขภาพในรูปแบบของ “วีแกน” ซึ่งกระบวนการผลิตแป้งชนิดนี้ยากมาก เนื่องจากขนมไทยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็น ไข่ กะทิ น้ำตาล ฉะนั้น การทำขนมครกใบเตยหรือขนมครกสิงคโปร์ให้รูปแบบวีแกนยากมากเพราะต้องตัดไข่และหาส่วนผสมใหม่เข้ามาเสริม
“แป้งวีแกนของเรามีความพิเศษ คือ นอกจากจะทำเป็นขนมครกสิงคโปร์ได้แล้ว ยังสามารถนำแป้งวีแกนมาดัดแปลงเป็นเมนูอาหารหวานอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กุ้ยช่าย เบเญ ซึ่งคุณเพียงนำแป้งของเราผสมกับน้ำเปล่าเท่านั้น คุณก็สามารถนำไปทำขนมอย่างที่คุณต้องการได้ทันที เพราะนอกจากความคิดสร้างสรรค์ในตัวแป้งแล้วเรายังใส่นวัตกรรมทางด้านอาหารเข้าไปด้วย ดังนั้น นอกจากคุณจะได้เมนูอาหารหวานที่หลากหลายแล้ว คุณยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย”
ความสำเร็จต่างๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ซึ่ง “คุณใบพัด” บอกว่า โชคดีที่ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP กระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและมองเห็นว่าแป้งวีแกนของเขาสามารถพัฒนาด้านการตลาดต่อเนื่องไปสู่ตลาดโลกได้ ด้วยความพิเศษของนวัตกรรมที่คิดค้นและไม่เหมือนใคร จึงให้การสนับสนุนในเรื่องให้คำปรึกษา และได้รับทุนวิจัยจาก สสว.อีกด้วย
“ทางกระทรวงพาณิชย์ เห็นเราจากสื่อทีวีหลายรายการ และมองว่าสามารถนำแป้งวีแกนตัวนี้ไปต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศได้ จึงเข้ามาให้การสนับสนุนในเรื่องของความรู้เรื่องการส่งออก รวมทั้งทาง ไทย ซีเล็กท์ ให้โอกาสเราได้เข้าร่วมทดสอบมาตรฐานเพื่อเข้าโครงการ รวมถึงทาง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ให้การสนับสนุนในเรื่องของทุนวิจัย และส่งที่ปรึกษามาช่วยดำเนินการจนสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปเปิดตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดคือ ประเทศลาว นอกจากเรียนรู้ระบบการส่งออกแล้ว ยังได้มีโอกาสไปศึกษาระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ระดับโลกอีกด้วย”
ในส่วนของการทำตลาดด้วยการพัฒนาระบบแฟรนไชส์ คุณใบพัดบอกว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งที่ปรึกษามาช่วยในเรื่องการเขียนแผนธุรกิจ ตลอดรวมไปถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออก เช่น แป้งขนมจะต้องได้รับสัญลักษณ์อะไรบ้าง เพราะในแต่ละประเทศมีเอกสารที่ใช้ดำเนินการแตกต่างกัน รวมไปถึงการร่างสัญญา เพราะระบบแฟรนไชส์มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ซิงเกิ้ลแฟรนไชส์ (Single franchise) ซิงกูล่า มาสเตอร์แฟรนไชส์ (singular Master Franchise) เรียนรู้นักลงทุนที่สนใจธุรกิจ และความเหมาะสมถึงรูปแบบขนาดของแฟรนไชส์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุนเรื่อยมา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่ยังไม่มีความพร้อมในด้านนี้
“นอกจากแป้งวีแกนแล้ว เรายังมีผลิตภัณฑ์นมไข่อินทผาลัม ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เราคิดค้นขึ้น ซึ่งความพิเศษของนมอินทผาลัม คือ เป็นนมไข่ที่มีโปรตีนสูง โดย 1 ขวดเท่ากับทานไข่ 2 ฟองและใส่อินผาลัมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเราจะนำนมไข่อินทผาลัมนี้เข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ของเราด้วย ขณะนี้มีกำลังการผลิต 500 ขวดต่อวัน ปัจจุบันเราใช้ชื่อแฟรนไชส์ว่า “แฟรนไชส์ขนมครกท่าช้าง” ตอนนี้เรามีร้านค้าที่เซ็นทรัล ชิดชม และมีร้านที่รัชดา 1 สาขา และภายในปีนี้จะเห็นร้านในรูปแบบแฟรนไชส์ในต่างจังหวัด อีกราว 5-10 สาขา”
“ผมเป็นคนคิดใหญ่ และอยากเป็นคนต้นแบบ เป็นไอดอลตัวอย่างให้กับใครหลายคน เป็นเอสเอ็มอีตัวเล็กๆ ที่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเอาแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดโลก เพราะฉะนั้นผมต้องทำให้ได้ เราตั้งเป้าที่จะเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ที่สามารถกระจายความเป็นเอกลักษณ์ให้ทั่วโลกได้เห็น ฉะนั้นภายใต้แบรนด์ท่าช้างเราจะให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ด้วย อยากให้คนไทยทุกคนเติบโตในเวทีโลก เพราะคนไทยยังขาดในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และการสร้างความแตกต่าง และระบบธุรกิจที่ไม่มีมาตรฐานที่ทำให้เรายังระดับโลกไม่ได้”
ผมใช้คอนเซ็ปต์ทำสิ่งเล็กๆ ด้วยวิธีการที่ยิ่งใหญ่ ถ้าไม่ฝันใหญ่เราก็อยู่แค่งานแสดงสินค้าที่เมืองทองธานีเท่านั้น คนส่วนใหญ่มองขนมในบ้านเราเป็นของถูก แต่สำหรับสายตาคนต่างชาติเขากลับมองขนมบ้านเราเป็นของแพงระดับพรีเมียม เพราะคนไทยไม่ได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับแพคเกจจิ้งสินค้า ไม่มีระบบการทำธุรกิจ ในส่วนของแบรนด์ท่าช้าง ถือว่าเป็นนวัตกรรมอาหารไทยสู่สากล หน้าที่ของผมทุกวันนี้คือ คิด คิดทุกวัน ซึ่งต่อไปเราจะพัฒนาเป็นขนมพร้อมทาน (Ready to Eat) คือ ใส่เตาไมโครเวฟแล้วรับประทานได้เลย
คอนเซ็ปต์ของแบรนด์ท่าช้าง คือ อร่อย สนุก ได้สุขภาพ และ หยอด แคะ รับตังค์ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจธุรกิจแฟรนไชส์ที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก หรือคนที่ทำงานประจำก็สามารถมาทำช่วงเลิกงานตอนเย็นก็ได้ เราอยากได้คนที่มี Passion เหมือนกับเรา คือชอบอาหาร และขนม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 086-789-5695 หรือติดตามผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ค : ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์”