ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ผ่ามุมมองนักธุรกิจหนุ่ม “สรวุฒิ มานะสมจิตร” กับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเจาะตลาดกลาง-ล่าง


ที่อยู่อาศัย หรือ “บ้าน” ถือเป็นปัจจัย 4 ขั้นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงชนชั้นสูง ในแต่ละปีจะพบว่า มีจำนวนความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมๆ ไปกับราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ปัจจุบันจะเห็นว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่ หันไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บน ตั้งแต่ราคาระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียงผู้ประกอบการไม่กี่รายเท่านั้นที่ยังคงเน้นกลุ่มตลาดล่าง และนั่นคือจุดเด่นและโอกาสที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยระดับนี้ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน

สรวุฒิ มานะสมจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด ผู้บริหารหนุ่มในวัย 37 ปี เป็นอีกคนหนึ่งที่มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่างยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างเนื่อง ทั้งนี้ จะต้องมองให้ขาดในเรื่องทำเล ราคา และความสะดวกสบายที่ให้กับลูกค้า กับแบรนด์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี นั่นคือ โครงการวิสทาวน์ ปัจจุบันโครงการนี้ตั้งอยู่ 5 ทำเล ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด

หากจะกล่าวถึงความเป็นมาของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ นับว่าไม่ธรรมดา เพราะเขาจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์อีกด้วย จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาต่อด้าน Real Estate Development หรือการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย อีกทั้งที่บ้านก็ได้ดำเนินธุรกิจก่อสร้างโดยมีโรงงานทำเสาเข็ม ด้วยอุปนิสัยชื่นชอบและมีใจรักงานด้านการก่อสร้างจากการตามคุณพ่อไปทำงานบ่อยๆ เริ่มไปฝึกงานที่บริษัทโบรกเกอร์อสังหาฯมีชื่อแห่งหนึ่ง มีโอกาสได้ทำงานด้านการขาย หลังจากทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์การมาได้ระยะหนึ่ง กอปรกับที่บ้านมีที่ดินอยู่แล้วจึงเริ่มพัฒนาโครงการของตัวเองขึ้น

“โครงการแรกที่เราทำเป็นคอนโดมิเนียมใช้ชื่อโครงการ ออริจิ้น พระราม 2 เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2552 จุดเด่นของโครงการนี้ คือ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแรกที่ติดถนนพระราม 2 ได้รับการตอบรับดีมาก เปิดขายเพียง 3 เดือนก็สามารถปิดการขายได้หมด จากนั้นเราพัฒนามาเรื่อยๆ ทั้งโครงการแนวสูงแนวราบ ปัจจุบันเราหันมาเน้นพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่าแนวสูง โดยการทำงานของผมจะเน้นเครื่องความปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยและทำเพื่อสร้างความมั่นคงจริงๆ แม้จะเกิดวิกฤตใดๆ ผมก็ยังอยู่ได้ รวมจำนวนโครงการที่พัฒนาจนถึงปัจจุบัน 18 โครงการ”

เมื่อเอ่ยถามถึงจุดเด่นและจุดแข็งของบริษัท “สรวุฒิ“ บอกว่าบริษัทฯ ใช้คอนเซ็ปต์ในการทำงานตั้งแต่วันแรกของการพัฒนาโครงการด้วยสโลแกนที่ว่า “สุขกว่า สะดวกกว่า” โดยเขาเลือกที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางล่าง ในระดับราคา 1-5 ล้านบาท แต่ให้รายละเอียดและความสะดวกสบายเทียบเท่ากับบ้านราคา 5 ล้านบาท ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น การทำสโมสรสระว่ายน้ำในโครงการ โครงการตั้งอยู่บนทำเลใกล้ทางด่วน พร้อมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน เรียกว่าแม้จะระดับล่างแต่คุณภาพชีวิตเทียบเท่ากับระดับกลาง-บนเลยทีเดียว

“เรายึดมั่นกับสโลแกนนี้มาโดยตลอด พยายามทำอะไรที่มากและต้องเหนือกว่าคนอื่น โดยคำนึงถึงใจเขาใจเรา โดยเฉพาะความสุขและความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก อย่างเช่นโครงการที่ปลวกแดงซึ่งมีหลายโครงการไปเปิดโครงการที่นั่น แต่ผมให้ความแตกต่างทั้งความปลอดภัยเป็น Smart Home Security เพราะรู้ว่าลูกค้าทุกต้องการได้ความปลอดภัย และฟังก์ชั่นการใช้สอยก็พยายามทำให้แตกต่างจากที่อื่น”

 

สำหรับเทรนด์การออกแบบตัวบ้านแทบจะทุกโครงการของเอสเตท กูรู นั้น “สรวุฒิ“ บอกว่าทุกโครงการจะถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ซึ่งจะมีความเรียบง่าย ในระดับราคาที่คนระดับล่างจับต้องได้ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม เขาบอกว่าชอบที่จะไปเปิดตัวโครงการใกล้ๆ กับโครงการอื่น เพราะแน่นอนว่าจะเกิดการเปรียบเทียบ และทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงสิ่งที่ให้ว่าแตกต่างและตอบสนองความต้องการได้มากกว่าเพียงใด เขากล้ายืนยันและการันตีคุณภาพของตัวบ้าน เพราะเราใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานแน่นอน

“เรื่องต้นทุนต้องยอมรับว่าแม้เราจะสู้รายใหญ่ไม่ได้ แต่สิ่งที่เรายืนหยัดคือราคาไม่เคยต่ำกว่าคนอื่น เพราะผมเน้นที่ตัวโปรดักส์ ไม่ได้เน้นที่ราคา เราตั้งใจทำโครงการสิ่งเหล่านี้ซึ่งจะเห็นได้เองเมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว เพราะเราไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนว่าโครงการเรามีปัญหาแตกร้าว หรือปัญหาเกี่ยวกับตัวบ้านอย่างไร เราเลือกซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการตามความต้องการของผู้คนในโซนนั้นๆ พร้อมกับศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคโซนนั้นไปด้วยว่ามีความต้องการอะไรบ้าง ตอนนี้เรามีแลนด์แบงก์ประมาณ 6-7 แปลง ถ้าเป็นแปลงที่ติดถนนใหญ่ก็ประมาณ 4-5 ไร่ และถ้าอยู่ในซอยก็มีประมาณ 20 กว่าไร่ เช่นที่ พระราม 2 พัทยา เพชรเกษม นอกจากนี้ ก็ยังมีดูๆ พื้นที่ทำเลอื่นๆ ด้วย”

“สรวุฒิ“ บอกถึงเป้าหมายในปีนี้ว่ามีแผนที่จะเปิดตัวอีก 2 โครงการบนทำเลเอกชัย และอยุธยา ในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ที่อยุธยาเป็นทำเลที่อยู่ติดกับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยเจาะกลุ่มคนที่ทำงานตามโรงงานนิคมฯ และทำเลตรงนั้นมีโครงการบ้านอยู่หลายโครงการในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนในย่านนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางรูปแบบว่าจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม บนพื้นที่ 6 ไร่ ที่มีจุดเด่นคือ ติดถนนใหญ่ หากพัฒนาเต็มพื้นที่ จะได้บ้านจำนวนราว 50-60 หลัง ในพื้นที่ 24 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 60 ตร.ม. ไม่รวมที่จอดรถ 1 คัน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำงานและพักอยู่ในย่านนั้น

“เราต้องปรับตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ผู้ประกอบการรายเล็กเท่านั้น ผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน เราใช้โอกาสนี้พัฒนาระบบหลังบ้านซึ่งเราทำมาตลอด เพราะเราเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเรื่องนี้มากกว่า การพัฒนาในแต่ละโครงการนั้น เราทำการศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน และทำโครงการด้วยความรอบคอบ ซึ่งต้องคำนึงถึงมูลค่าเพิ่มของราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้เราสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าอย่างไรเสีย คนก็ต้องการที่อยู่อาศัย และความต้องการนี้มีอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นธุรกิจอสังหาฯ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันจะผันผวนอย่างไร ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะต้องมีเทคนิคและวิธีการเตรียมการรับมือไว้แล้ว ซึ่งสำหรับผมได้คิดและศึกษาไว้อย่างละเอียดรอบคอบ ดังนั้น เชื่อว่าเราสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน”