หากพูดถึง “หมูยอ” เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องรู้จัก และคิดว่าน่าจะเป็นอาหารโปรดของใครหลายคน ไม่ว่าจะไปทอด นึ่ง หรือนำไปเป็นส่วนผสมกับหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ยำหมูยอ ผัดผักรวมใส่หมูยอ หรืออีกหลากหลายเมนูก็เป็นที่ชื่นชอบไม่น้อย วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงมาบอกเคล็ดลับวิธีการทำหมูยอไว้ทานเองที่บ้าน หรือดัดแปลงพัฒนาสูตรเพื่อเป็นอีกช่องทางหารายได้เข้ากระเป๋า เราไปดูวิธีการขั้นตอนการทำกันเลยค่ะ
วัตถุดิบการทำหมูยอ
1.เนื้อแดง จำนวน 1 กิโลกรัม
2.มันหมู จำนวน 2 ขีด
3.น้ำแข็งบด จำนวน 3 ขีด
4.แป้งมัน จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำตาล จำนวน 2 ช้อนโต๊ะ
7.ใบตองสำหรับห่อหมูยอ
วิธีการทำ
1.บดหมูแดงด้วยเครื่องบดละเอียด แล้วพักไว้
2.บดมันหมูด้วยเครื่องบดละเอียดแล้วพักไว้
3.จากนั้นนำหมูและมันหมูที่บดแล้วลงสับที่กระทะสำหรับทำหมูยอโดยเฉพาะ จากนั้นนำเครื่องปรุงรสทั้งหมดลงผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด
4.ตักมาชั่งในใบตองที่เตรียมห่อ ดังนี้
– หมูยอห่อละ 10 บาท น้ำหนักประมาณ 7 กรัม
– หมูยอห่อละ 20 บาท น้ำหนักประมาณ 12 กรัม
– หมูยอห่อละ 30 บาท น้ำหนักประมาณ 20 กรัม
5. จากนั้นนำหมูยอที่ห่อแล้วไปต้มนานประมาณ 30 นาที เมื่อสุกก็นำขึ้นมาล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง เพื่อให้ใบตองมีสีสวยตามธรรมชาติ
6.จากนั้นนำหมูยอมาผึ่งเย็น รอจำหน่ายต่อไป
เคล็ดลับทำหมูยอให้อร่อยเด็ด
– หมูยอที่ดีเนื้อสัมผัสต้องกรอบแน่น ชี้ให้เห็นว่ามีส่วนผสมของเนื้อมากกว่าไขมัน และกลิ่นต้องหอมพริกไทยดำ หากเนื้อหมูยอนิ่มเละ เกิดจากใส่ส่วนผสมของแป้งมากเกินไป ถ้าสีของหมูยอซีดขาว แสดงว่าผสมเนื้อไก่ลงไปเพื่อลดต้นทุน รับประทานแล้วเสียรสชาติ
– ใช้หมูสดใหม่เท่านั้น ถ้าจะให้ดีควรส่งตรงมาจากโรงฆ่าสัตว์ เมื่อใช้นิ้วกดลงไปบนเนื้อจะต้องนุ่มและนิ่ม เซลล์กล้ามเนื้อจะยังไม่ตาย ทำให้ได้หมูยอที่กรอบเด้งและเกาะกันเป็นก้อน หากซื้อเนื้อหมูตามท้องตลาด เนื้อสัมผัสจะไม่ดีเท่า
– มันหมูแข็งต้องทั้งลวกและแช่แข็ง การลวกมันหมูจะช่วยยืดอายุการเก็บหมูยอให้นานขึ้นและไม่ทำให้หมูยอเหม็นหืนได้ง่าย หลังจากลวกแล้วให้นำไปแช่ช่องแข็งไว้ 1 คืน ก่อนนำมาปั่นกับส่วนผสม เพื่ออาศัยความเย็นจากไขมันทำให้เนื้อสัมผัสของหมูยอดีขึ้น
– เวลาปั่นต้องเติมน้ำแข็งลงไป ความเย็นของน้ำแข็งจะช่วยให้โปรตีนในเนื้อหมูหดตัว เนื้อสัมผัสของหมูยอที่ได้จะกรอบ เด้ง และเกาะกันเป็นก้อน
– ปั่นจนเนื้อเนียนเป็นครีม เนื้อหมูยอที่ปั่นได้ที่แล้วจะเนียนละเอียด ทดสอบได้โดยเมื่อจับดูจะมีเนื้อสัมผัสคล้ายครีมทาผิวข้น ๆ ถือว่าใช้ได้แล้ว
– ห่อด้วยใบตองกล้วยน้ำว้าดีที่สุด เพราะเมื่อนำมาห่อหมูยอ (ภาษาคนทำหมูยอเรียกหักใบตอง) ใบตองจะไม่แตกง่าย อีกทั้งเวลาพับก็จะเกิดรอยคมดูสวยงาม เมื่อนำไปต้มใบตองจะมีสีเขียวสวยไม่ดำ สีไม่ตกใส่หมูยอ และได้กลิ่นหอมใบตองติดมากับหมูยออีกด้วย
– กดให้จม ต้มให้สุก และพักสะเด็ดน้ำ คือวิธีต้มหมูยอแบบมืออาชีพ เติมน้ำใส่หม้อก้นลึก ปิดฝา ยกขึ้นตั้งไฟกลางให้เดือด เปิดฝาหม้อใส่แท่งหมูยอที่ห่อแล้วลงไป นำหม้ออีกใบใส่น้ำหรือวัสดุที่มีความหนักวางทับลงบนหมูยอให้จมอยู่ใต้น้ำขณะต้มเสมอ เพื่อให้เนื้อหมูยอสุกทั่วถึงกัน หลังจากสุกแล้วนำแท่งหมูยอพักไว้บนตะแกรงเพื่อสะเด็ดน้ำจนหมดก่อนนำไปรับประทานหรือจำหน่าย หากข้ามขั้นตอนนี้จะทำให้หมูยอเสียง่าย เก็บได้ไม่นาน
– เก็บหมูยอที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส เพื่อคงสภาพและรสชาติของหมูยอเอาไว้ภายใต้อุณหภูมินี้จะช่วยให้เก็บหมูยอไว้ได้ 1 สัปดาห์ หากแกะใบตองออกมาแล้วพบว่ามีน้ำเหนียว ๆ ออกจากหมูยอ เนื้อหมูยอเละยุ่ย ไม่เกาะกัน แสดงว่าเสียแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :
http://rakbankerd.com/agriculture/page.php?id=1326&s=tblanimal
และ : https://www.kubkhao.com/2019/07/blog-post_41.html