โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เจาะใจ “วศิทธิ์ บัณฑิตย์ดำรงกุล” กับธุรกิจร้านเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง-เจ้าของ แบรนด์ Animal Go-Round

หากถามว่าธุรกิจใดที่อยู่ในกระแสและเข้ากับเทรนด์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น สังคมผู้สูงอายุ แฟชั่นดีไซน์ หนึ่งในธุรกิจนั้นจะต้องเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เพราะพฤติกรรมผู้สูงอายุในปัจจุบันจะมีความเหงาจึงต้องมีสัตว์เลี้ยงคอยอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น ในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ก็มีความนิยมเลี้ยงสัตว์น่ารักๆ เช่นกัน

และหนึ่งในธุรกิจต่อเนื่องซึ่งต่อยอดจากธุรกิจสัตว์เลี้ยงก็คือ ธุรกิจแฟชั่นสัตว์เลี้ยง เช่น เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง-เจ้าของที่มีความน่ารัก ในขณะเดียวกันก็มีดีไซน์ที่ทันสมัย จึงเป็นที่มาของ ‘Animal Go-Round’ ร้านเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง-เจ้าของ และของใช้สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในขณะนี้

คุณศิทธิ์-วศิทธิ์ บัณฑิตย์ดำรงกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Animal Go Around ธุรกิจที่เติบโตขึ้นจากแรงบันดาลใจสู่แบรนด์ชื่อดัง โดยเขาจบการศึกษาด้านการออกแบบ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีความถนัดและชื่นชอบงานด้านออกแบบลวดลาย Design ต่างๆ ของเสื้อผ้า โดยมีพี่สาวอย่าง คุณอุ-อุรณา ดูแลในส่วนของ Supply จัดหาลูกค้า

จุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ “คุณศิทธิ์” บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตที่รายล้อมไปด้วยสัตว์หลากหลายชนิด และต้นทุนเดิมจากธุรกิจสิ่งทอของครอบครัว เมื่อนำความชอบมาผนวกกันก่อเกิด Idea จึงเริ่มทำเสื้อผ้า พร้อมๆ ไปกับการหาจุดเด่นของแบรนด์ ตั้งแต่ Collection แรกที่ออกมาจนถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จในรูปแบบ Ready to wear ใน Concept Happy to wear เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงที่มาพร้อมกับเสื้อผ้าเจ้าของ ที่มีความโดดเด่น คือ สวมใส่สบาย ไม่มีอันตราย สำหรับเจ้าของเองนั้น การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมือนกันกับสัตว์เลี้ยง เมื่อสวมใส่แล้วมีความสุข จึงแสดงออกให้เห็นถึงความน่ารัก ความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์

“แบรนด์ของเราเน้น Design แบบเรียบง่าย สีสันเสื้อผ้าโดยจะเน้นสีพาสเทล ดูสบายตา เนื้อผ้า Cotton 100 ให้ความสบายตัวเสมือนตัดเย็บให้เด็กแรกเกิด โดยเราจะใส่ใจทุกรายละเอียด หลักๆ เราโฟกัสที่สัตว์เลี้ยงก่อน เพราะจะมีรายละเอียดเยอะ ทำยากกว่าครับ และในส่วนเสื้อผ้าของเจ้าของเราจะเน้นแค่ความเรียบง่าย แต่ก็ไปกันได้กับสัตว์เลี้ยงของเขา อย่าง Collection ล่าสุดที่เราอยากจะนำเสนอคือ ชุดนอน ที่มาพร้อมกับผ้าปิดตา และผ้าพันคอ”

Animal Go Around ให้ความใส่ใจตั้งแต่การเลือกเนื้อผ้าในการตัดเย็บทั้งของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ เป็นผ้าที่ไม่มีความระคายเคือง มีแบบเสื้อผ้าให้เลือกมากถึง 40-50 แบบ ผ่านโรงงานตัดเย็บที่เป็น Partner จำนวนการผลิตต่อเดือนอยู่ที่ 500-600 ตัว นอกจากนี้ขนาดของเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงจะเหมาะกับสัตว์ที่น้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ถึง 10 กิโลกรัม โดยสัตว์เลี้ยงตัวเล็กจะเป็นเสื้อผ้า หากหนักกว่า 10 กิโลกรัม เช่น สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนจะมี Accessories เครื่องประดับไว้แต่งตัวน้องๆ

“ช่วงปีแรกในการทำธุรกิจแบรนด์ Animal Go-Round ผู้คนจะตั้งคำถามเยอะมากว่าทำไมต้องทำเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ แล้วทำไมต้องใส่คู่กัน หลายคนเดินผ่านหน้าร้านก็มีเข้าทักบ้างว่าเป็นเสื้อผ้าเด็กรึป่าว ซึ่งอย่างแรกเลยหากเป็นคนที่รักสัตว์เลี้ยงมากๆ คงตอบได้ว่าเป็นเพราะความน่ารัก เหมือนเราแต่งตัวตุ๊กตา แต่งตัวให้ตัวเอง แล้วถ้าเราแต่งตัวให้สัตว์เลี้ยงเราบ้างล่ะ มันต้องน่ารักมากแน่ๆ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเรื่องความปลอดภัยของน้อง (สัตว์เลี้ยง) การสวมเสื้อผ้าจะช่วยให้ความอบอุ่นแก่น้องได้ ปัจจุบันส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเลี้ยงสัตว์ในบ้าน นอนห้องแอร์ ร่วมกับเจ้าของ น้องอาจจะมีอาการเจ็บป่วยได้ เพราะสัตว์เขาก็มีชีวิต มีหนาว มีร้อน เหมือนมนุษย์”

เมื่อถามถึงความยากของการทำธุรกิจนี้ “คุณศิทธิ์” บอกว่า จะแบ่งความยากง่ายออกเป็น 2 ข้อ ข้อแรกคือสัตว์เลี้ยงแต่ละสายพันธุ์มีขนาดหรือรูปลักษณะที่แตกต่างกัน ดูง่ายๆ ระหว่างพันธุ์ปอม กับไซบีเรียน ขนาดต่างกันมาก การทำ Pattern จึงเป็นปัญหาที่ยาก เพราะต้องทำรองรับสัตว์เลี้ยงทุกขนาด ข้อที่สอง คือ การจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์ เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะจะไม่ได้ลองสวมใส่ หากลูกค้าสั่งไซส์นี้แล้วปรากฏว่าเล็กหรือใหญ่เกินไปก็อาจจะเปลี่ยนไม่ได้ ดังนั้นจึงแนะนำกับลูกค้าเสมอว่าอยากให้มาเลือกชมหน้าร้านจะดีที่สุด

Animal Go-Round เป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับ B+ ถึง A โดยร้านจะเน้นวัสดุที่มีคุณภาพเพื่อนำมาตัดเย็บ เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา จึงไม่แปลกใจเลยว่า Animal Go-Round จึงได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับที่ดีมาก

“หากใครสนใจอยากเพิ่มความรักให้กับสัตว์เลี้ยงที่เรารัก และอยากทำอะไรเล็กๆ ให้ตัวเองมีความสุขก็สามารถซื้อได้ เพราะสินค้าร้านเราราคาอยู่ในระดับที่จะไม่ถูกก็ไม่ถูก จะว่าแพงก็ไม่แพง แต่เราไม่อยากให้มองตรงนั้น เพราะวัสดุที่นำมาตัดเย็บค่อนข้างมีคุณภาพ คุ้มราคา และเราใส่ใจมันจริงๆ แต่ถ้าถามว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในระดับไหน น่าจะเป็นระดับ ปานกลาง B+ ถึง A จากวันนั้นธุรกิจของเราเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แล้วขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมาก ทางร้านจึงขยับขยายจากสาขาห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ มาเปิดหน้าร้านที่อาคาร The Circle Ratchapruk ถนนราชพฤกษ์ พร้อมๆ ไปกับการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และยังไม่รวมถึงอีก 30 ร้านที่ฝากขายอีกด้วย”

สำหรับปัญหาเรื่องคู่แข่งนั้น “คุณศิทธิ์” บอกว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีคู่แข่ง ซึ่งเขาเองก็มีวิธีการรับมือด้วยการยึดคอนเซ็ปต์ในเรื่องของคุณภาพ และความเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงเป็นอย่างนั้นและต้องพัฒนาให้มีความแปลกใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย

“ตั้งแต่ช่วงปี 2017 เราขยายแบรนด์ออกไปยังตลาดต่างประเทศทางแถบเอเชีย เริ่มต้นจากรายย่อยซื้อไปขายแบบ Pet shop ในประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง ส่วนตัวแทนรายใหญ่จะมีที่ประเทศสิงคโปร์และเกาหลี ผลตอบรับค่อนข้างจะดีมากๆ เพราะตลาดสัตว์เลี้ยงในต่างประเทศมีศักยภาพจะเติบโตได้ค่อนข้างสูง คิดเป็นสัดส่วนต่างประเทศสูงถึง 40% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด ในอนาคตเราตั้งเป้าที่จะขยายไปตลาดที่ต่างประเทศเป็นหลัก ด้วยการเพิ่ม Collection ย่อยๆ ในแต่ละประเทศ เช่น ช่วง Winter จะมีเป็นชุดพร้อมหมวก เนื้อผ้าหนาเพื่อรองรับสภาวะอากาศ หรืออาจจะเป็นกระเป๋า เจ้าของถือกระเป๋าบวกกับสัตว์เลี้ยงที่ใส่เสื้อผ้าลายเดียวกัน และอีกอย่างหนึ่งคือที่นอน ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ล่าสุดที่เพิ่งทำออกมา ลักษณะจะคล้ายกับที่นอนเด็กเล็ก ก็ได้รับการตอบรับที่ดี”

ในการทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพบกับอุปสรรค โดยอุปสรรคของ “คุณศิทธิ์” จะเป็นเรื่องการผลิต เนื่องจาก Pattern ในงานออกแบบค่อนข้างมากและมีความละเอียด เป็นธรรมดาที่ช่างอาจจะไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้ ดังนั้นจึงต้องปรับเพื่อให้ทั้งฝ่ายร้าน และฝ่ายช่างสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อการทำธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ในเรื่องของการทำโปรโมชั่นทั้ง ลด แลก แจก แถม นั้นทางร้านไม่ได้ทำมากนัก ลูกค้าที่มาซื้อจึงเป็นลูกค้าประจำมากกว่า

“นอกจากนี้เราในฐานะแบรนด์ Animal-Go-Round ยังเป็นเจ้าแรกๆ ที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน Organic สำหรับสัตว์เลี้ยง ภายใต้ชื่อ Anima Herbal Toothpaste for dog & cat ที่ช่วยขจัดปัญหาช่องปากและฟันด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ No Fluoride, No Salt, No Sodium เพราะหากสัตว์เลี้ยงไม่ได้รับการดูแล ทำความสะอาดภายในช่องปาก ของอย่างถูกต้องเหมาะสมและสม่ำเสมอ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพเหงือกและฟันในอนาคตของสัตว์เลี้ยงเป็นแน่ นอกจากนี้ทางแบรนด์พยายามจะให้ลูกค้าหรือเจ้าของสัตว์เลี้ยงหลีกเลี่ยงการวางยาสลบสัตว์ แล้วนำไปขูดหินปูน เพราะมันอาจจะอันตรายถึงชีวิตของน้องได้ ส่วนประกอบหลักๆ ที่ใช้จะเป็น Organic Coconut Oil, Guava Leaf, Mint เพื่อช่วยป้องกัน ยับยั้งการเกิดแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของโรคเหงือก ป้องกันคราบหินปูน ลดการอักเสบของเหงือก และที่สำคัญสัตว์สามารถทานได้ด้วย”