โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

วิเคราะห์ 7 เหตุผล เพราะอะไร “โลจิสติกส์” จึงเป็นธุรกิจเนื้อหอมที่ใครก็อยากลงทุน

หากจะพูดถึงการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลปัจจุบัน จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ วิธีการ กระบวนการบริหาร การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และอื่นๆ ซึ่งมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ในโลกของการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น จากเดิมหากจะซื้อสินค้าก็ต้องเดินทางไปซื้อที่หน้าร้าน แต่ปัจจุบันเพียงใช้สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างสบายแล้ว

และอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามองอย่างมากนั่นก็คือ ธุรกิจขนส่งสินค้า หรือ โลจิสติกส์ ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากการเกิดขึ้นของบริษัทรับส่งสินค้า ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ และมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นด้วย เรียกว่าธุรกิจนี้กลายเป็นธุรกิจเนื้อหอมภายในชั่วข้ามคืน

จากการสำรวจปัจจัยแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจนี้ของ quickservice ได้บอกถึง 7 ปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจนี้มีความน่าสนใจ ดังนี้

1.มูลค่าการซื้อขายของออนไลน์ในปี 2561 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2560 ถึงเกือบร้อยละ 10 นั่นหมายความว่า ธุรกิจโลจิสติกส์และคนส่งของต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

2. นับจากนี้ต่อไป พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ แล้วขยับเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มตัว นั่นหมายความว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ และคนส่งของ จะเติบโตกว่านี้อีกหลายเท่า

3. Line Man, Grab Food, Food Panda, Get, LalaMove ฯลฯ และอีกหลายๆ ชื่อ Start Up ทั้งหมดนี้ คือ แพลทฟอร์มของธุรกิจโลจิสติกส์ ที่สร้างอาชีพที่สองให้คนไทยกลายเป็นคนส่งของ และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า อาชีพคนส่งของมีโอกาสเติบโต และการเกิดขึ้นของ Start Up เหล่านี้ หมายความว่า มีคนใช้บริการส่งของเป็นจำนวนมากพอที่จะทำธุรกิจ Start Up เหล่านี้เติบโตได้

4. แม้กระทั่ง 7-11 ที่มีสาขาเกือบแสนสาขาทั่วประเทศไทย ปัจจุบันก็กระโดดลงมาร่วมวงธุรกิจขนส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยบริการ “สปีดดี 24 ชั่วโมง” นั่นหมายความว่า ธุรกิจขนส่ง และคนส่งของ เป็นโอกาสทองของแท้ ไม่ใช่ของเทียม

5. ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ทำให้ปัจจุบันเราเห็นธุรกิจขนส่งรายย่อย ขนส่งเอกชนเป็นจำนวนมาก แต่แม้หลายคนจะตั้งคำถามว่าเปิดมาแล้วจะมีคนใช้บริการหรอ? ความจริงก็ยังคงไม่เคยโกหกใคร เพราะปัจจุบันมีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดของธุรกิจขนส่งรายย่อยนั้นอยู่ที่ประมาณ 27,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10-20 ต่อปี

6. แม้ธุรกิจขนส่งเอกชนจะดูดุเดือดและมีแนวโน้มดี แต่ทราบหรือไม่ว่า ปัจจุบันไปรษณีย์ก็ยังคงครองอันดับ 1 ผู้นำด้านการขนส่งพัสดุอยู่ โดยเป็นเจ้าของส่วนแบ่งการตลาดทั้งประเทศอยู่ที่ 55% และมีกำไรสุทธิในปี 2560 อยู่ที่ 4,222 ล้านบาท

7. แม้หลายคนจะคาดการณ์กันว่าต่อไป “Ai” จะถูกนำมาใช้แทนที่คนในการขนส่ง และมีหลายประเทศเริ่มพัฒนาเริ่มใช้ในกลุ่มเล็กๆ กันแล้วบ้าง แต่กว่าจะไปถึงวันนั้น แต่กว่าที่ประเทศไทยจะก้าวไปถึงวันนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คนส่งของ” ธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงขนส่งพัสดุเอกชน ขนส่งพัสดุรายย่อย ก็ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกยาวนานอย่างมั่งคง ตราบเท่าที่ยุคสมัยของการขายของออนไลน์ยังคงเฟื่องฟู

“ธุรกิจส่งของ” ไม่มีวันตาย ตราบที่อีคอมเมิร์ซออนไลน์ยังคงรุ่งเรือง อาชีพคนส่งของยังคงมีโอกาสเติบโตได้เสมอ ตราบเท่าที่ยังมีการค้าขายอยู่บนโลกใบนี้ นี่คือความจริงที่เราต่างก็พิสูจน์กันได้ด้วยตาตัวเอง ที่ทุกวันนี้บนถนน เราจะเห็น “คนส่งของ” อย่างน้อยหนึ่งคนเสมอในระยะสายตา และนั่นคือโอกาสสำหรับคนที่มองเห็น ในการที่จะลงไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของส่วนแบ่งการตลาดที่มีแต่จะเติบโตเรื่อยๆ ของธุรกิจส่งของ ส่งพัสดุด่วน ซึ่งเราสามารถเลือกเป็นได้ทั้ง “คนส่งของ” หรือ “เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ส่งของ” ก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://quickservice.co.th