ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ชี้ช่องรวย โอกาสรวยของคนตัวเล็ก

อาหาร

บอกต่อสูตร “ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา” ต่อยอดขายส่ง-ปลีก สร้างรายได้มั่นคง


สำหรับผู้ที่สนใจทำขนมเปี๊ยะสำหรับทานเองหรือต่อยอดทำในรูปแบบขายส่ง หรือขายตามตลาดนัดต่างๆ ชี้ช่องรวย มีสูตรเด็ดการทำขนมเปี๊ยะใส่ไข่เค็มลาวา ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของ คุณศิริกัญ สมาชิก https://pantip.com/topic/39490229 สมาชิกพันธุ์ทิพดอทคอม โดยมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก ลองฝึกปรือฝีมือ แล้วพลิกแพลงเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งในช่องทางการสร้างรายได้ที่มั่นคงอีกช่องทางค่ะ

ส่วนผสมไส้ไข่เค็มลาวา

1.ไข่เค็มแดงสุก 18 ฟอง (นำไปเวฟ 1 นาที หรือ นำไปนึ่ง)

2.วิปปิ้งครีม 250 กรัม

3.นมข้นหวาน 100 กรัม

4.กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา

5.เกลือ 1/4 ช้อนชา

6.ผงคัสตาร์ด 50 กรัม

7.เนยเค็มละลาย 70 กรัม

วิธีทำไส้ไข่เค็มลาวา

1.นำไข่เค็มแดงไปนึ่งหรือเวฟ ให้สุก แล้วนำมาบดหยาบๆ

2. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่โถปั่นให้ละเอียด

3. ปั่นส่วนผสมเสร็จแล้วเทใส่กล่องปิดฝา นำไปแช่ช่องแข็ง แช่ข้ามคืน

หลังจากแช่แข็งข้ามคืนใช้ที่ตักไอติม ปั้นเป็นลูกๆ ขนาด 23 -25 กรัม ได้ 28 -29 ลูกนำไส้ที่เราปั้นเสร็จแล้ว ไปแช่ช่องแข็ง อีก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาห่อได้เลยค่ะ

สูตรแป้งขนมเปี๊ยะ เหนียวนุ่ม

ส่วนผสมแป้งชั้นนอก

1. แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 120 กรัม

2. แป้งเค้ก 80 กรัม

3. น้ำตาลทราย 35 กรัม

4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

5. เนยรัมข้าว 25 กรัม

6. น้ำมันพืช 25 กรัม

7. น้ำเปล่า 75 กรัม

วิธีทำ

1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดรวมกัน ใส่เกลือลงไปด้วยตอนร่อน

2. เตรียมภาชนะสำหรับนวด

3. นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่า ผสมรวมกันคนให้น้ำตาลละลาย

4. ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในภาชนะ แล้วนวดจนแป้งเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที

5. นวดเสร็จแล้วให้ใช้พลาสติกแรฟไม่ให้อากาศเข้า พักแป้งไว้ 30 นาที

ส่วนผสมแป้งชั้นใน

1. แป้งอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 70 กรัม

2. แป้งเค้ก 30 กรัม

3.น้ำมันพืช 20 กรัม

4. เนยรัมข้าว 20 กรัม

วิธีทำ

1.ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดมาร่อนรวมกัน

2.นำเนยรัมข้าว ผสมลงในแป้ง แล้วนวดให้ปั้นเป็นก้อนได้

3.นวดเสร็จแล้วให้ใช้พลาสติกแรฟไม่ให้อากาศเข้า พักแป้งไว้ 30 นาที

ก้อนใหญ่แป้งชั้นนอก ก้อนเล็กแป้งชั้นใน

ครบ 30 นาที แบ่งแป้งชั้นนอกชั้นใน ออกเป็น 10 ก้อน

แป้งชั้นใน ปั้นก้อนละ 13-14 กรัม

แป้งชั้นนอก ปั้นก้อนละ 35-36 กรัม

ห่อแป้งชั้นนอก -ชั้นใน เข้าด้วยกัน แล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 1 คืน ไม่ต้องแช่ตู้เย็นวางไว้อุณหภูมิห้อง

นำแป้งที่เราหมักไว้ 1 คืนมารีด เป็นรูปวงรียาวๆ แล้วม้วนให้เป็นแท่ง เสร็จแล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 20-30 นาที

ครบ 30 นาที ก็มารีดอีกครั้ง ให้รีดตามยาวแล้วม้วนให้แน่น เสร็จแล้วใส่กล่องปิดฝาให้สนิทพักแป้ง 20-30 นาที

หลังจากนั้นตัดแป้งออกเป็น 2 ชิ้น แล้วรีดให้เป็นรูปกลมๆ นำไส้มาห่อไส้ลาวา
(รีดแป้งให้เสร็จก่อนค่อยห่อไส้ เพราะตัวไส้ละลายเร็ว)

เสร็จแล้วจัดเรียงใส่ถาด นำเข้าเตาอบ

วิธีอบ. ใช้ไฟบนล่าง 190C

อบรอบแรก 5-6 นาที แล้วนำมาทาหน้าด้วยไข่แดง

ไข่แดงทาหน้าขนม

– ไข่แดง 1 ฟอง สีเหลือง 1/2 ช้อนชา น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช 3-4 หยด

งาขาวล้างให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วนำไปคั่ว

อบรอบที่สอง 4-5 นาที แล้วนำออกจากเตาพักให้เย็น

ขอขอบคุณที่มาของสูตร : คุณศิริกัญ สมาชิก https://pantip.com/topic/39490229

Related Posts

โจ๊กสยาม ตำนานโจ๊กบางกอก ที่การันตรีความอร่อยจาก “เชลล์ชวนชิม”

เมื่อพูดถึงอาหารเช้า ทุกคนนึกถึงเมนูอะไรกัน บ้างก็ว่ากาแฟก็พอ แซนด์วิชก็ดี ปาท่องโก๋ หมูปิ้งก็น่าอร่อยไม่แพ้กัน แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ “โจ๊ก” นั่นเอง ข้าวสวยหอม ๆ พร้อมเนื้อสัตว์รสเลิศ ท๊อปปิ้งด้วยไข่ ปาท่องโก๋ เส้นกรอบหรืออื่น ๆ แล้วแต่ร้าน นั่นเป็นมื้อเช้าที่อิ่มกำลังเช่วยให้มีแรงทำงานได้สบาย ทว่าร้านโจ๊กที่ดังก็มีหลายเจ้า แต่เจ้านี้ไม่แพ้ใครแน่นอน “โจ๊กสยาม” ตำนานความอร่อยกว่า 20 ปี ไปดูกันว่า 20 ปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกับแบรนด์เขาบ้าง และตอนนี้ก็เปิดขายแฟรนไชส์แล้วด้วย รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้เลย..โจ๊กบางกอก จุดเริ่มต้นของธุรกิจ โจ๊กสยาม.ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปีก่อน ในปีพ.ศ. 2545 คุณสมชัย ธุระกิจเสรี และคุณวนาพร ธุระกิจเสรี เริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารเปิดร้านโจ๊กแห่งแรกขึ้นในย่านโชคชัย 4 มีการคิดค้น พัฒนา ปรับปรุงโจ๊กที่ถูกใจคนในท้องถิ่น สูตรโจ๊กนี้ไม่ได้มาจากเมืองจีนหรือฮ่องกง แต่เป็นโจ๊กแบบฉบับของคนไทย เน้นให้มีความอร่อยถูกปากคนไทยเราโดยเฉพาะ อร่อยจนได้รับเครื่องหมายรับประกันความอร่อย “เชลล์ชวนชิม” จาก มรว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ภายใต้ชื่อ “โจ๊กบางกอก” […]

ชี้ช่องรวย แนะ 8 ขั้นตอนลดการสูญเสียในธุรกิจร้านอาหาร ทำตามนี้กำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน

รู้หรือไม่ว่าธุรกิจร้านอาหารมีจุดรั่วไหลของกำไรอยู่ที่อะไรมากที่สุด คำตอบ คือ เศษอาหาร เศษของการตัดแต่งอาหาร ทำอย่างไรที่จะลดปริมาณความสูญเสียเหล่านี้ นอกเหนือจากการช่วยลดโลกร้อนแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้กลับมาตรงๆ คือต้นทุนที่ลดลง และมีโอกาสในการสร้างกำไรกลับคืนสู่ร้านค้า นี่คือวิธีลดการสูญเสีย 1.วัสดุอุปกรณ์ประกอบอาหารควรนึกถึงว่าจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ตัวอย่างเช่นผ้าปูโต๊ะ การนำกลับมาซักใหม่ดีกว่าการใช้กระดาษเป็นตัวถาดรองอาหาร เพราะเมื่อสิ่งเหล่านี้ใช้เสร็จแล้วได้กลายเป็นขยะร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะดูสวยงามหรือจัดการง่ายก็ตาม 2.นำระบบแอปพลิเคชันสั่งเมนูมาใช้ ช่วยให้พนักงานสามารถใช้คำสั่งซื้อแบบดิจิทัลแทนที่จะเขียนลงบนกระดาษเพื่อลดปัญหากระดาษเสีย ระบบแอปพริเคชั่นช่วยให้ร้านอาหารสามารถติดตามสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งหมายความว่าง่ายต่อการทราบว่ารายการใดที่ต้องสั่งซื้อใหม่และจำนวนสินค้าแต่ละรายการ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันการสั่งซื้อเกินซึ่งอาจนำไปสู่เศษอาหาร 3.ตรวจสอบปริมาณของเสียในร้านอาหารอย่างสม่ำเสมอด้วยการแยกประเภทของเสีย เพื่อที่จะได้รู้ว่าประเภทไหนมีปริมาณมากน้อยเพียงใด แล้วหาสาเหตุ เช่นส่วนใหญ่ร้านอาหารจะมีความสูญเสียเกิดจากการตัดแต่งก็ต้องแก้ไขและลดการสูญเสียนี้ด้วยการอบรมพนักงานให้มีทักษะในการตัดแต่งให้เหลือเศษน้อยที่สุด 4.ควรมีการบริหารอายุของวัตถุดิบและอาหารแล้วหาแหล่งจัดซื้อที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่นผักจะเน่าเร็วกว่าเนื้อ หรือของแห้งอื่นๆ การเลือกซื้อในพื้นที่ที่ใกล้กับร้านอาหารของเราจะช่วยในแง่ของอายุของความสดในการใช้งาน ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น 5.จัดการกับวัตถุดิบด้วยระบบ First in First out หรือระบบมาก่อนใช้ก่อน วิธีนี้จะช่วยลดอัตราของเสียได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อสินค้ามาถึง ควรเขียนระบุวันที่ เวลาของวัตถุดิบที่เข้าถึงร้าน แล้วเลือกใช้ก่อน วางไว้ข้างหน้า ส่วนวัตถุดิบที่มาใหม่เลือกไว้ข้างหลัง เพื่อใช้ต่อตามลำดับ 6.ควรเก็บอาหารแต่ละชนิดในอุณหภูมิที่เหมาะสมดังนี้ • อุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส: เหมาะสำหรับการจัดเก็บอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง • อุณหภูมิ 2 ถึง […]

เรื่องราว 64 ปีที่อายิโนะโมะโต๊ะ สูนย์รวมรสชาติของอูมามิอยู่คู่เมนูอาหารไทย สร้างรสชาติที่ใคร ๆ ต่างก็หลงรัก

อายิโนะโมะโต๊ะ ชื่อนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก อยู่มา 60 กว่าปีแน่นอนเลยว่าต้องมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย บ้างก็เรียกผงชูรส บ้างก็เรียกผงนัวร์ แต่ที่แน่ ๆ คือเจ้าผงสีขาวที่ให้รส “อูมามิ” นี้คือเบื้องหลังความอร่อยของเมนูอาหารในประเทศไทยมากมาย เห็นได้ชัดคือ ส้มตำ ของดีของเด็ดแดนอีสาน ที่สามารถเสริมความนัวร์ ความแซ่บ ความปังให้เมนูนี้ได้อย่างดี แต่เจ้าผงตัวนี้มาได้ยังไง มาจากไหน วันนี้เราจะมาย้อนดูที่มาที่ไปของ อายิโนะโมะโต๊ะ กัน!    ก้าวแรกของ “อายิโนะโมะโต๊ะ” เจ้าของขุมทรัพย์อาหารอย่าง “อูมามิ”   ต้นกำเนิดอาณาจักรเสริมความอร่อยนี้มาจาก ศ.ดร.คิคุนาเอะ อิเคตะ มหาวิทยาลัยโตเกียว ที่วันนึงดันเกิดข้อสงสัยว่าทำไมน้ำซุปจากการต้มสาหร่ายคมบุถึงมีรสชาติที่อร่อย หอม กลมกล่อม จึงนำหัวข้อสงสัยตัวเองไปศึกษาหาความรู้ ไปทดลอง จนมาเจอกับเจ้าสารตัวหนึ่งชื่อว่า “กลูตาเมต” เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่สามารถนำสร้างรสชาติใหม่ในขณะนั้นได้ จึงเกิดเป็นการทำอุตสาหกรรมผลิตเครื่องปรุงรสชาติอุมามิขึ้นมาในปี 2452 หรือประมาณ 115 ปีก่อน ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “อายิโนะโมะโต๊ะ”   เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ถึงเวลาที่ต้องออกสู่โลกกว้าง ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2503 อายิโนะโมะโต๊ะก็มาตั้งโรงงานนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรก […]