ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

5 วิธีการหาสินค้าเพื่อไปขายแบบง่าย


เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งอาชีพที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุด คือ “ค้าขาย” แต่ทว่าหลายคนติดอยู่ที่ว่า “ขายอะไรดี” ต้องยอมรับว่าการจะหาสินค้าซักสินมาขายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้หลายไปจัดมาพิจารณาว่าสินค้านั้นจะขายได้หรือไม่ได้ และที่สำคัญจุคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่

แต่ปัจจุบันในยุคที่อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นทำให้เกิดผลดีกับ ผู้ขาย ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายหรือความต้องการของลูกค้าผ่านการหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกัน ลูกค้าเองก็สามารถหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้วคลิกเท่านั้น วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะขอนำเสนอ 5 วิธีการหาสินค้าเพื่อไปขายแบบง่าย ไว้เป็นแนวทางการตัดสินใจให้กับคนที่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจ

1.Search Engines ค้นหา สินค้า กลุ่มเป้าหมาย กระแส จากในโลกออนไลน์

ลองคิดง่าย ๆ ว่า ปัจจุบันแม้แต่ตัวเราเองเวลาที่อยากจะทราบข้อมูลอะไรก็ยัง เสิร์ช หาจากใน Google นั่นก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับการหาข้อมูลสินค้าหรือเทรนในปัจจุบันได้เช่นกัน โดยมีเครื่องมือค้นหาคำหลักที่ใช้งานง่าย และฟรี Google Keyword Planner นี่เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุด

เพียงแค่เรามี Account Adwords ของ Google เราก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้แล้ว สมัครบัญชี Google Adwords เราสามารถดูเทรนด์ และ มองหา ผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนส่วนใหญ่สนใจ ด้วยเทคนิคของการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติในการสืบค้น ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถเจอผลิตภัณฑ์ที่คนใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ต้องการ และเรายังจะได้ประโยชน์ของวลีเด็ด ประโยคโดน ที่ใช้ดึงดูดความสนใจให้ผู้คนเข้ามาสนใจเลือกชมสินค้าของเรา

2.หาแนวทางเป็นของตัวเอง หรือสร้างสินค้าที่แตกต่าง

ในเรื่องของแนวทางเราสามารถหาได้ไม่ยากใจในโลกของออนไลน์ มีไอเดียอยู่มากมายให้เลือกแต่หัวใจสำคัญอยู่ที่ว่า เราจะทำอย่างไรถึงจะทำให้สินค้าของเรานั้นมีความโดดเด่นที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็มีวิธีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาสินค้า หรือ รูปแบบการขาย ที่แตกต่างออกไป

รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าให้ลูกค้าจดจำให้ได้เร็วที่สุด เป็นแนวคิดที่ท้าทาย และสามารถแยกธุรกิจของเราออกมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดออนไลน์ ได้ทันที แต่สิ่งที่เราต้องทำให้เกิดกับสินค้าให้ได้ คือความโดดเด่น และความน่าเชื่อถือในตัวสินค้า เพราะมันจะเป็นภาพจำของสินค้าตัวนั้นตลอดไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่า การทำ Branding นั่นเอง

3.ใช้ ข้อด้อย ของคนอื่นมาพัฒนาสินค้าของเรา

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของเรามี จุดแข็ง จุดอ่อน อย่างไร และสำรวจว่าสินค้าคู่แข่งหรือสินค้าประเภทเดียวกันมีจุดอ่อนอย่างไรบ้าง และนำกลับมาพัฒนาสินค้าของเราให้ดีกว่าสินค้าที่มีอยู่ให้ได้ หลักสำคัญง่ายๆ คือ การสำรวจตลาดจากผู้บริโภคซึ่งจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีมากที่สุด

4.สินค้าที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการ ความรัก ความหลงไหล

เมื่อมนุษย์เกิดความหลงใหลในสิ่งใดก็ตาม โอกาสที่เขาจะควักเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อตอบสนองความหลงใหลของตัวเอง ไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผู้หญิงซื้อรองเท้าส้นสูงปรี๊ดปลายเท้าแทบตั้งฉากกับพื้น ทำให้พวกเธอเหมือนเต้นบัลเล่ต์ตลอดเวลาแม้ยืนเฉยๆ

5.มองหาสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่มีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ

นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี การเข้าไปในร้านค้าออนไลน์ต่างๆ มองหาสินค้าที่ขาดสต็อกบ่อยๆ หรือสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว นั่นหมายความว่าถ้าใครมีสินค้าประเภทนั้นอยู่ในมือมากที่สุด คุณจะได้เป็นเจ้าของตลาดสินค้าประเภทนั้นในเวลาต่อมาอย่างแน่นอน ลองเข้าไปในร้านค้าออนไลน์ที่มีชื่อเสียง แล้วลองมองหาสินค้าที่ขายหมด ขาดสต็อกมาระยะหนึ่งแล้ว ลองดูซิว่า เราจะหาสินค้าแบบนั้นได้จากที่ไหน เพราะนั่นคือสินค้าตัวแรกของธุรกิจเรา

สรุปได้ว่า ทั้ง 5 วิธีนี้ เป็นแนวคิดภาพรวมที่ทำให้เราตอบโจทย์ได้ว่า เราจะขายอะไรดี ซึ่งดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะลองวิเคราะห์เราจะเริ่มต้นจากอะไร และแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาว ทำให้สินค้าของเรานั้นเป็นที่ต้องการ เป็นที่ยอมรับ อย่างแน่นอน

ทั้งนี้เราสามารถนำเอาวิธีทางการตลาดอื่นๆ มาประยุคใช้ หรือรวมเอาเทคนิคทั้งหมดมาใช้แบบผสมผสานกัน ให้เราได้เจอกับสินค้าที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจได้ดีที่สุด อย่างน้อยที่สุดในเวลานี้เรามีทักษะที่เพียงพอสำหรับการหาตอบให้กับตัวเองได้ว่า เราจะขายอะไรดี