ดังคำกล่าวที่ว่า สถานการณ์วิกฤตมักจะสร้างโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มองเห็นโอกาสอยู่เสมอ ไม่ว่าวิกฤตนั้นจะหนักหนาสาหัสเพียงใด หากมองให้ลึกซึ้งจะพบว่า จะมีคำว่า “โอกาส” และความ “สำเร็จ” มายืนรอคุณที่หน้าประตูอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับแบรนด์ “Chommpinn” ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางน้ำมันธรรมชาติ หรือที่เรารู้จักกันในนาม น้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำบัดรักษาโรคด้วยกลิ่นหรือ อโรมาเธอราพี (Aromatherapy) ด้วยส่วนผสมของน้ำมันออร์แกนิกแท้ 100 % โดยผู้คิดค้นสูตร คือ “พี่ยุ” คัทรินทร์ ประยุกต์วิทยาฐาน เจ้าของแบรนด์ “Chommpinn”
จุดเริ่มต้นก่อนมาลงตัวของการทำธุรกิจ “พี่ยุ” บอกกับทีมงาน ชี้ช่องรวย ว่า กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากไม่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงก็ยากเหมือนกันที่จะก้าวมาสำเร็จในวันนี้ได้
“พี่ยุ” เล่าว่าเดิมเธอมีโรงงานผลิตกระเป๋าเริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2540 ที่มีจำนวนพนักงานราว 40-50 คน และทำธุรกิจนี้มาจนถึงปี 2556 เรียกว่าเธอคลุกคลีอยู่กับสารเคมีที่เคลือบกระเป๋าและได้รับสารพิษแบบไม่รู้ตังมากถึง 16 ปี จนเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโรงงานกระเป๋าที่เธอทำประสบปัญหาขาดทุนจนต้องปิดกิจการ กอปรกับรู้ตัวว่าตัวเธอเองกำลังเป็นโรคร้ายผลจากการรับสารเคมีมาเป็นเวลานาน
“จากการเจ็บป่วยขั้นร้ายแรงซึ่งมาจากการทำงานหนักและรับสารเคมีสะสมเป็นเวลานาน บวกกับธุรกิจล้มไม่เป็นท่า ทำให้จิตใจในช่วงนั้นถือว่าป่วยไปด้วย จากผลข้างเคียงทางการรักษาทำให้ผิวหนังของพี่เกิดการแพ้ไหม้เป็นแผลพุพอง ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรไม่ได้เลยเพราะส่วนใหญ่มักจะมีสารเคมีปนอยู่ด้วยทั้งนั้น จึงหันมาทำผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เอง นอกจากนี้ ยังต้องหาวิธีบำบัดจิตใจของเราไปด้วย จึงเริ่มต้นจากทางกายภาพด้วยการทำผลิตภัณฑ์ปลอดสารเคมีใช้เอง ไม่ว่าจะเป็นครีมอาบน้ำ น้ำมันทาผิวหน้าและผิวกาย เพราะในช่วงที่แพ้สารเคมีขั้นวิกฤตต้องหยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิดทำให้ผิวแห้ง แต่ก็โชคดีที่พี่มีเพื่อนที่เป็นแพทย์แผนไทยได้แนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยที่มาจากธรรมชาติมาช่วยในการรักษา จึงเริ่มศึกษาและทดลองผสมน้ำมันใช้เอง โดยจะศึกษาอย่างจริงจัง เมื่อทราบแล้วว่าน้ำมันชนิดไหนสามารถช่วยบำบัดจิตใจได้ด้วย ก็ยิ่งศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจจากการผลิตเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง”
“พี่ยุ” บอกว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้นับเป็นเวลา 10 ปีมาแล้วที่เธอใช้น้ำมันหอมระเหยเพื่อมารักษาบำบัดโรคที่เธอเป็น และค้นพบว่าอาการต่างๆ เริ่มค่อยๆ คลี่คลายจนในที่สุดก็หายขาด ซึ่งเธอคิดว่าโชคดีมากที่เลือกใช้น้ำมันหอมระเหยมาบำบัดรักษาโรค และเธอก็ได้ค้นพบอีกว่าการรักษาด้วยการสูดดมกลิ่นเพื่อบำบัดนั้นเป็นการรักษาเพื่อปรับให้ร่างกายเกิดสมดุล ซึ่งวิธีการใช้น้ำมันหอมระเหยที่ถูกต้อง ก็คือ ต้องใช้จมูกในการสัมผัสในปริมาณที่ร่างกายรับได้ เพื่อให้ร่างกายเลือกเอาสารที่จะนำเข้าไปปรับสมดุลให้กับร่างกายของมนุษย์
“จุดเปลี่ยนที่ทำให้พี่พัฒนาปรับปรุงจนเปลี่ยนมาทำเป็นธุรกิจ จากจุดเริ่มต้นคือทำใช้เอง จนมาสู่การผลิตเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้พี่ยังลงเรียนเพิ่มเติมเพื่อวิเคราะห์จนตกผลึกให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราเข้าใจมันถูกต้อง ส่วนตัวพี่คิดว่าเรายังต้องศึกษาต่อไปอีกเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด เพราะยิ่งเรียนยิ่งทำให้รู้ว่าศาสตร์นี้กว้างและลึกมาก เรายิ่งต้องทุ่มเทกับมันมากขึ้น”
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Chommpinn มีสินค้าที่น่าสนใจ 5 ประเภท ได้แก่ 1.น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการบำบัด 2.น้ำมันทาหน้าเพื่อรักษาผิวหน้า 3.น้ำมันเพื่อบำรุงผิวหน้าจากออร์แกนิก 100 % 4.สเปรย์ฉีดหมอนจากน้ำมันหอมระเหยแท้ๆ ไม่มีสารเจือปน และ 5.ยาสระผมและแฮร์ออยล์ เป็นต้น โดยเธอเริ่มต้นขายครั้งแรกจากการเป็นร้านเล็กๆ พร้อมทั้งปรับปรุงพัฒนาแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าของ Chommpinn จะเริ่มต้นที่ราคา 70 บาท ไปจนถึง 1,650 บาท โดยมีจุดเด่น คือ วัตถุดิบมาจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุด แล้วผ่านกระบวนการสกัดด้วยสูตรของเราเองเพื่อให้สินค้ามีความแตกต่าง เรามีกระบวนการผสมกลิ่นเองซึ่งก็มีบางตัวที่เราต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
“พี่โชคดีมากที่แม้ว่า Chommpinn จะเป็นแบรนด์เล็กๆ แต่ก็มีตัวแทนที่ประเทศอังกฤษ และในวันที่ 19-20 เมษายน 2563 นี้ เรากำลังจะไปออกงานออร์แกนิค แอนด์ เนเชอรอล แฟร์ ที่ประเทศอังกฤษ จุดเด่นของเราอีกข้อคือ การเบลนด์เอสเซ็นเชียล ออยล์100 % โดยไม่มีเจือปนน้ำหอมหรือน้ำมันอื่น การเจอจางกลิ่นเราเบลนด์ให้กลิ่นสามารถใช้บำบัดได้จริงๆ ตอนนี้เรามีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่ญี่ปุ่น และอังกฤษ เป็นต้น”
“พี่ยุ” บอกถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตอันใกล้คือ การทำสวนไม้หอม หรือ โบทานิคการ์เด้น บนพื้นที่ 2 ไร่ ในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้สอนการใช้ไม้หอมเพื่อการบำบัด แม้ว่าอุปสรรคที่ผ่านมาเธอจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงของโลกทุกวันนี้ที่รวดเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็น การค้าที่เปลี่ยนเป็นออนไลน์หรือโลกโซเชียล แม้บางครั้งเธอรู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรคสำหรับพี่ในการปรับตัว แต่เธอก็ทำมันสำเร็จจนได้
“ปัจจุบันร่างกายของคนเรารับสารเคมีเข้าไปเยอะมาก และเป็นเวลานานด้วย กว่าจะมารู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายก็สายเกินแก้แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพโดยรวม วันนี้พี่ถือว่าตัวพี่เองมีความสุข เมื่อเราผ่านวิกฤตต่างๆ มาแล้ว ดังนั้น สิ่งที่อยากจะทำต่อ คือ การส่งต่อและส่งมอบความสุขให้กับคนผู้คนรอบข้าว พี่ทำงานและอยู่กับสิ่งเหล่านี้ด้วยความสุข จึงอยากส่งต่อความสุขเหล่านี้ให้และเป็นความสุขที่ปลอดภัย ที่ช่วยเยียวยาทั้งกายและใจ”
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : โทร.086-311-7952, 086-418-4461 , LINE : chomm5442, We chat : chomm5442, Facebook : chommpinn , Email : [email protected]
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใน KTC U Shop สามารถลงทะเบียนหรือสมัครมาได้ที่เว็บไซต์ KTC U Shop หรือ KTC PHONE 02 123 5000 www.ktc.co.th/ushop
Food Truck ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในขณะนี้ จนธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มหลากหลายค่ายให้ความสนใจ ปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบร้านมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจรูปแบบของธุรกิจมากเท่าที่ควรวันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาบอก 6 เรื่องสำคัญต้อ
ใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ห้ามพลาดสิ่งนี้ วันนี้ ชี้ช่องรวย มีเทคนิคดีๆ มานำเสนอกันอีกแล้ว กับ 3 รูปแบบ 9 วิธี สำหรับขายสินค้าเบ็ดเตล็ด สินค้าราคาเดียว ที่จะทำให้ร้านของคุณนั้นประสบความสำเร็จ มียอดขายทะลุเป้าได้ไม่ยากหากทำ
การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ การมีทำเลที่ดี ก็จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ดั่งคำที่ว่า “ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” แต่รู้หรือไม่ว่าต่อให้ทำเลดีแค่ไหน หากไม่เหมาะกับธุรกิจนั้นๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ชี้ช่องรวยจึงอยากจะมาแนะนำ 6 ประเภทภาพรวมว่าควรจะเลือกทำเลแบบไหนถึงจะดีที่สุด 1.โฮมออฟฟิศ ปัจจุบันโฮมออฟฟิศเป็นที่นิยมมากของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยการดัดแปลงห้องภายในบ้านให้กลายเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าการใช้ที่พักอาศัยเป็นที่ทำงานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ข้อเสียที่ต้องทำใจคือ อาจพักผ่อนได้ไม่เต็มที่เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่กองงาน และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะทำให้ขาดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจต่างๆ ดังนั้นคุณควรช่างน้ำหนักให้ดีว่าจะเลือกความเป็นส่วนตัวหรือเลือกงาน หากเลือกความเป็นส่วนตัวก็ควรเลือกทำที่สงบ ถ้าต้องการมีแรงกระตุ้นในการทำงาน ควรเลือกทำเลที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงหลักกฎหมายด้วยว่าบ้านของคุณสามารถดัดแปลงเป็นที่ทำงานได้หรือไม่ 2. แฟรนไชส์ ร้านค้าปลีก หรือการบริการต่างๆ รูปแบบนี้เราอาจจะพบเห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งหลักการสำหรับร้านขายปลีก และร้านบริกานั้นจะต้องเป็นจุดสังเกต ดึงดูดลูกค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด ย่านชุมชน หรือเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเปิดร้านเครื่องเขียนก็ควรตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นควรตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ร้านอาหารตามสั่งอยู่ในแหล่งที่มีหอพัก เป็นต้น ทั้งนี้ข้อควรระวังอีกอย่างคือ อย่าตั้งร้านใกล้ร้านดังที่ขายสินค้า และบริการแบบเดียวกับคุณเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่ใช้บริการร้านเปิดใหม่ของคุณ 3.ธุรกิจเคลื่อนที่ หรือ Food truck หากคุณจะทำธุรกิจเคลื่อนที่ คุณจำเป็นต้องมีพาหนะที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเสียก่อน ซึ่งพาหนะนี่แหละที่จะพาสินค้าและบริการของคุณไปสู่ทำเลที่ดี […]
