โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

แปลงที่ดินเปล่าให้เป็นตลาดนัด อีกหนึ่งธุรกิจที่ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ

สำหรับใครที่มีที่ดินเปล่าพื้นที่ไม่มากนัก แถมยังอยู่ในเขตชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน และยังมีการสัญจรผ่านไปมาหรือผู้คนเป็นประจำ จะดีกว่าไหมหากเราจะนำพื้นที่อันน้อยนิดนี้มาพัฒนาให้เป็นพื้นที่ตลาดนัดแล้วปล่อยให้พ่อค้าแม่ขายจับจองเช่าพื้นที่เพื่อขายสินค้า เรียกว่าเป็นธุรกิจแบบเสือนอนกิน เพราะใช้งบลงทุนไม่มาก เพียงแค่ปรับพื้นที่ให้เป็นบริเวณกว้าง มีลานจอดรถสำหรับลูกค้าขาจรเสียหน่อย คิดว่าน่าจะไปรุ่งทีเดียวค่ะ

การทำตลาดนัดแบบลานโล่งมักนำมาใช้กับที่ดินเปล่าแถวต่างจังหวัด ที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองไม่เกิน 2 กม.และเดินทางได้สะดวก เพราะคนต่างจังหวัดมักนิยมเดินตลาดนัดแบบแบกับดิน ซึ่งการทำตลาดนัดแบบแบกับดินนั้น ทำเป็นแบบเปิดโล่งจะเหมาะที่สุด เพราะทำง่ายและใช้งบลงทุนไม่มาก อีกทั้งยังไม่เน้นความหรูหรา แต่เน้นความสะอาด พื้นเทปูน ไฟสว่าง เพื่อป้องกันปัญหาวิ่งราว

สำหรับทำเลที่เหมาะกับการทำตลาดนัด อาจจะไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ไม่ควรห่างมากจนเกินไป เพราะจะเน้นความสะดวกสบาย เดินทางสะดวก และมีที่จอดรถรองรับ ส่วนการลงทุนทำตลาดนัดนั้นจะทั้งหมด 2 แบบ คือ การลงทุนบนที่ดินเปล่าของตัวเอง หรือดำเนินการบนที่ดินของคนอื่น ซึ่งการลงทุนบนที่ดินของคนอื่น จะใช้งบเริ่มต้นเพียงไม่เกิน 200,000 บาทต่อการจัดตลาดนัด 1 แห่ง

ขั้นตอนการดำเนินการ มีดังนี้

1.เริ่มจากสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม ดูทำเลที่เป็นลานดินว่าสามารถพัฒนาได้หรือไม่ แล้วค่อยตกลงเจรจากับผู้ถือครองที่ดิน

2.ตกลงกับผู้ถือครองที่ดิน เน้นทำธุรกิจร่วมและแบ่งผลตอบแทนจากการเช่าแผงค้าและส่วนอื่นร่วมกัน และต้องตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน

3.สำรวจพื้นที่ในการทำตลาดนัด ควรมีขนาดที่ดินตั้งแต่ 2 ไร่ขึ้นไป จะสามารถวางแผงได้ประมาณ 150-200 แผง ซึ่งการทำแผงนั้นคือต้องวัดพื้นที่ทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาจัดวางผัง กำหนดรูปแบบสินค้าว่าควรอยู่ตรงไหนบ้าง แยกหมวดหมู่ให้ชัดเจน โดยแผงค้าควรมีขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 3.50 เมตร และแบ่งช่องทางเดินให้ผู้มาจับจ่ายด้วย

4.เมื่อจัดแผงค้าได้แล้ว ก็มาดูเรื่องของวันเวลาที่จะเปิดขาย ซึ่งการกำหนดวันเวลาที่เปิดขายนั้น จะดูจากชีวิตประจำวันของในท้องที่ และเคล็ดลับก็คือต้องมีกำหนดเปิดขายตามเวลานั้นๆเป็นประจำ เพื่อให้คนจำได้ เช่น วันศุกร์-อาทิตย์ ช่วงเย็น , วันจันทร์-อังคาร ช่วงเย็น , วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. หรือจะเปิดให้บริการตลอด 7 วัน แต่จะต้องมีสินค้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน เพื่อสร้างความโดดเด่นของตลาด

5.ประชาสัมพันธ์ แค่ทำแผ่นพับ หรือขึ้นป้ายโฆษณาให้สะดุดตา แต่ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ การทำตลาดนัดจะค่อนข้างใช้เงินทุนมากกว่า เพราะต้องเน้นรูปแบบการตกแต่งแผงค้าเพื่อดึงดูดคน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : home.co.th