“เพราะความรักเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต” บุคคลชลประทานฉบับเดือนแห่งความรัก ปัญจศักดิ์ เทพอวยพร วิศวกรไฟฟ้าชำนาญการพิเศษ ส่วนเครื่องจักรกลไฟฟ้า สำนักเครื่องจักรกล จึงใช้ความรักนำทางไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางการทำงานและชีวิตครอบครัว
เติบโตในครอบครัวข้าราชการ กับเส้นทางที่เลือกเดิน
ปัญจศักดิ์ เทพอวยพร เล่าว่าเขาเกิดที่จังหวัดราชบุรี เติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ คุณพ่อทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตร ส่วนคุณแม่เป็นพยาบาล ศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ก่อนจะสอบเข้าวิทยาลัยการชลประทาน ตามที่ได้คิดไว้
“ผมมีความชอบทางด้านวิศวะส่วนคุณพ่อ คุณแม่ก็อยากให้รับราชการเป็นจังหวะดีที่วิทยาลัยการชลประทานเปิดรับและให้ทุนเรียน ผมจึงสมัครสอบเข้าเรียน แล้วย้ายไปเรียนในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า โดยจบรุ่นที่ 53 เมื่อ พ.ศ. 2545 ก่อนจะเริ่มต้นทำงานที่แรกที่ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ ส่วนเครื่องจักรกลไฟฟ้า สำนักเครื่องจักรกล”
ตรวจสอบและวิเคราะห์ หน้าที่หลักที่ได้รับมอบหมาย
ปัญจศักดิ์ เล่าว่า งานหลักของเขาคือ การตรวจสอบและวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบไฟฟ้าของกรมชลประทาน เช่น ระบบควบคุมเขื่อน ประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำตลอดจนงานไฟฟ้าอาคาร ซึ่งเป็นการออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่
“เวลาที่โครงการชลประทานจังหวัด หรือโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าระบบควบคุม จะทำหนังสือมาที่สำนักเครื่องจักรกล ผมก็จะได้รับมอบหมายให้เดินทางไปตรวจสอบร่วมกับทีมฝ่ายซ่อมและบำรุงรักษา หรือทีมวิศวกรเครื่องกล จากนั้นก็กลับมาทำรายงานการตรวจสอบ มีจุดไหนเสียหายบ้างเกิดจากอะไร และประมาณราคาอุปกรณ์ที่จะใช้ในการซ่อม”
เสน่ห์ของงานคือความท้าทายที่ยากจะคาดเดา
นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับราชการในกรมชลประทานจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลาร่วม 17 ปี เขาพบว่าปัญหาหน้างานนั้น คือเสน่ห์ของงานที่ทำ เพราะคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะต้องพบเจอกับอะไรเมื่อเกิดปัญหาต้องวิเคราะห์เพื่อหาวิธีแก้ไข ยิ่งแก้ไข ก็ยิ่งเกิดความชำนาญ
“งานที่วิศวกรไฟฟ้าไปดูส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ซ่อมหน้างานไม่ได้แล้วเพราะถ้าเป็นงานที่ซ่อมหน้างานได้ ทางนายช่างโครงการ ช่างเครื่องกลที่พอซ่อมได้ก็ซ่อมไปก่อน จึงเป็นปัญหาหนักพอสมควรที่จะต้องเร่งแก้ไขแต่สิ่งเหล่านี้สอนให้เราแข็งแกร่งและได้ประสบการณ์เพิ่มเติม”
โอกาสที่ต้องรีบคว้า ศึกษาต่อที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
พ.ศ. 2551 ปัญจศักดิ์ คือหนึ่งในตัวแทนจากกรมชลประทานที่ได้เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการตรวจวัดข้อมูลด้านไฟฟ้า ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้ทุนโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-จีน และคว้าปริญญาโทกลับมาเมื่อ พ.ศ. 2555ซึ่งภายหลังจากศึกษาจบ นอกเหนือจากความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่เพิ่มพูนขึ้นเขายังได้นำความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ในฐานะล่ามภาษาจีนของกรมชลประทานต้อนรับแขกต่างประเทศอีกด้วย
“อย่างงานชลประทานโลกซึ่งจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2559 มีชาวจีนมาร่วมงานเป็นจำนวนมากผมก็จะไปคอยช่วยอำนวยความสะดวกหรืออย่างเวลามีผู้เชี่ยวชาญชาวจีนมาดูเรื่องงานชลประทาน ผมก็จะไปอยู่ในทีมต้อนรับด้วย รวมถึงเป็นมัคคุเทศก์จิตอาสา งานอุ่นไอรัก พ.ศ. 2561 ต้อนรับแขกชาวจีนที่มาเยี่ยมชมงาน หรือแม้แต่เวลาที่ทางสำนักจัดซื้อเครื่องจักรมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะมาช่วยเป็นล่ามให้”
ผลงานที่ภาคภูมิใจ รางวัลชุดควบคุมเครื่องจักรกลไฟฟ้า
หลังจากทำงานในหน้าที่เดิมมาเป็น 10 ปี ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะมีความรู้สึกเริ่มอิ่มตัวกับงานที่ทำ แต่สำหรับปัญจศักดิ์กลับไม่เคยรู้สึกเช่นนั้น เพราะเขารักและภูมิใจในงานที่ทำ อีกทั้งยังได้รับกำลังใจจากเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่เป็นเสมือนเชื้อไฟคอยเติมพลัง และที่สำคัญคือ เขาได้รับความรักจากครอบครัวภรรยาและลูกสาววัย 5 ขวบที่กำลังเติบโต
ล้วนเป็นแรงผลักดันและกำลังใจสำคัญให้ปัญจศักดิ์ พัฒนางานจนสำเร็จลุล่วง หนึ่งในนั้นคือ “นวัตกรรมชุดควบคุมเครื่องจักรกลไฟฟ้าของกรมชลประทาน” โดยใช้ Input จากระบบไฟฟ้าแบบซิงเกิลเฟส แปลงเป็นไฟฟ้าแบบ 3 เฟส ซึ่งเป็นผลงานร่วมกับคุณนที ถนอมวงศ์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น พชร วงศ์ผลบุญ) จนสามารถคว้ารางวัลผลงานสร้างสรรค์ดีเด่นที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์กรมชลประทานอันดับที่ 3 ผลงานที่เขาภาคภูมิใจ
“จุดเด่นของนวัตกรรมชิ้นนี้คือเราสามารถใช้ไฟฟ้าแบบซิงเกิลเฟส หรือไฟฟ้า 1 เฟส จ่ายให้กับเครื่องจักรกลที่ใช้ไฟฟ้า 3 เฟส ซึ่งจะเป็นเครื่องจักรกลขนาดค่อนข้างใหญ่ เช่น เครื่องสูบน้ำชุดเกียร์มอเตอร์ของเครื่องกว้านบานระบายและเครื่องผลักดันน้ำ ให้สามารถทำงานได้ เช่น พื้นที่ชนบทที่ไม่มีไฟฟ้า 3 เฟส ก็สามารถใช้ไฟฟ้า 1 เฟสเพื่อยกบานเปิด-ปิด เพื่อระบายน้ำได้โดยล่าสุดพัฒนาเป็นชุดแบบพกพาเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น”
หากมองความสำเร็จในวันนี้ปัญจศักดิ์ เน้นย้ำว่ามีจุดเริ่มต้นจากความรัก ที่เป็นปัจจัยสำคัญนำทางสู่ความสำเร็จ “ผมเชื่อว่าถ้าเราได้ทำงานที่รัก รักในงานที่ทำ รับผิดชอบในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดต่อให้งานจะสะดุดหรือเจออุปสรรคเราก็จะก้าวผ่านมันไปได้ด้วยดี”