ชี้หนทางรอกท่ามกลางวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการปรับกระบวนการผลิต เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต ที่เหล่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องนำไปใช้เพื่อหนทางรอด โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้แนะนำ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ได้แก่
1.เปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ
จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยสูง สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน (ข้อมูลจาก กรมการค้าภายใน) ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้า โดยสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน ซึ่งสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัสโควิด-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลัง ไอ จาม หรือเสมหะ
2.ปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ
ปัจจุบันความต้องการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่าง “เจลล้างมือ” พุ่งสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตในประเทศไทยประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือ เนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ และขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่ตลาด แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูก
3.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์
ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิชชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา “ทิชชูเปียก” มาสู่ “ทิชชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9% มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งาน
4.ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส
สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งาน
5.เสริมสร้างภูมิปัญญาไทยโอกาสสมุนไพรไทยระดับสากล
ปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกอัตราการขยายตัวลดลง ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปี พ.ศ. 2563 จะขยายตัวในช่วง 1.5-2.5% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19) จากเดิมคาดการณ์การขยายตัว 2.7-3.7% ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน จึงต้องเร่งปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและเป็นการส่งเสริมรายได้และการสร้างงาน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ กสอ. ที่มุ่งมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถ และเสริมสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยมาตรฐาน เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ ให้เชื่อมโยงกับความต้องการของตลาด ตามสโลแกน “ปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดีพร้อม (DIProm)” และภายใต้ นโยบาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างรากฐานของเอสเอ็มอืไทยมีภูมิคุ้มกันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 022024414 – 18 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th