โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ครม. อนุมัติให้เงิน 5 พันบาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับแรงงานลูกจ้าง-ลูกจ้างชั่วคราว-อาชีพอิสระ

ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานลูกจ้าง-ลูกจ้างชั่วคราว และอาชีพอิสระ เพื่อลดผลกระทบไวรัส COVID-19 โดยได้อนุมัติให้เงินจำนวน 5,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน 

โดยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวม 3 มาตรการด้วยกัน คือ เสริมสภาพคล่อง ลดภาระ และเพิ่มทักษะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.มาตรการเสริมสภาพคล่องของแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม

โดยให้สนับสนุนเงินเยียวยารายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จากการปิดสถานที่ทำงาน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับการสนับสนุนเงินดังกล่าวจำนวน 3 ล้านคน สำหรับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม รัฐบาลได้อนุมัติสิทธิกรณีว่างงาน จะได้รับเงินเยียวยาจากประกันสังคม 50 % ของเงินเดือนในกรณี

- นายจ้างไม่ให้ทำงาน รับเงินไม่เกิน 180 วัน

- รัฐสั่งให้หยุดการทำงาน รับเงินไม่เกิน 90 วัน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการด้านสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีสินเชื่อฉุกเฉินวงเงิน 40,000 ล้านบาท สามารถยื่นกู้ได้ 10,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ย 0.1 % ต่อเดือน โดยผู้ยื่นกู้ไม่ต้องมีหลักประกัน และสินเชื่อพิเศษ 20,000 ล้านบาท ยื่นกู้ได้รายละ 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน โดยผู้กู้จะต้องมีหลักประกันในการกู้ รวมทั้งอนุมัติวงเงิน 2,000 ล้านบาท ให้กับโรงรับจำนำ เปิดรับจำนำสิ่งของในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยคิดดอกเบี้ยจากประชาชนในอัตราไม่เกิน 0.125 % ต่อเดือน

2.มาตรการลดภาระ ให้ยืดการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

โดยเลื่อนกำหนดเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไปเป็นเดือนสิงหาคม 2563 และหักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มวงเงินหลักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพจาก 15,000 บาท เป็น 25,000 บาท รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์

3.มาตรการเพิ่มทักษะ

โดยจัดให้มีการฝึกอบรมมีเงินใช้ เพิ่มทักษะอาชีพหรือจัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงนักศึกษาที่ยังหางานทำไม่ได้ และขยายการฝึกอบรมผ่านภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองทุนหมู่บ้านฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)เป็นต้น

ที่มา : ThaiQuote