โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

แนะหลัก 15 ข้อ ทำร้าน “โชว์ห่วย” ให้รุ่ง ใครที่คิดจะลงทุนเปิดร้านต้องดู

เป็นที่ทราบกันดีว่าในแวดวงของธุรกิจค้าปลีกที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือห้างสโตร์ต่างๆ ทำให้ร้านโชว์ห่วยตามหมู่บ้านหรือในย่านชุมชนได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน จนเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้คนงดออกจากบ้าน ทำให้ร้านโชว์ห่วยกลับมาคึกคักรับยอดขายใหม่อีกครั้ง

หากจะว่าไปแล้ว ร้านโชว์ห่วย ถือว่ามีบทบาทกับชุมชนไม่น้อย ดังนั้น จะดีกว่าไหม หากเจ้าของร้านโชว์ห่วยอย่างคุณ หรือผู้ที่คิดจะเปิดร้านโชว์ห่วยสักร้านจะหันมาปรับปรุงพัฒนาร้านให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อจะได้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าในชุมชนให้กลับมาใช้บริการอย่างหนาแน่นเช่นเดิม ชี้ช่องรวย มีหลัก 15 ข้อมาแนะนำเพื่อให้คุณๆ ได้นำกลับไปประยุกต์ใช้ ดังนี้

1.คิดบวก

การคิดบวกหรือมีทัศนคติที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจ เจ้าของกิจการต้องมีทัศนคติที่ดี และมีความเชื่อมั่นว่ากิจการที่กำลังทำเป็นธุรกิจที่มีอนาคตหากเจ้าของธุรกิจมีความใส่ใจในกิจการของตนเองเป็นอันดับแรก การไม่มัวแต่ไปนั่งคิดว่าไม่สามารถต่อสู้กับร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ได้ เป็นการคิดลบที่จะไปบั่นทอนกำลังใจทำให้กลัวและไม่กล้าที่จะพัฒนาให้เดินหน้าต่อ แต่เมื่อใดที่คุณรู้สึกภูมิใจในกิจการของตนเอง ความรู้สึกพอใจในสิ่งที่มีจะช่วยลดความเครียด และมีโฟกัสในการทำธุรกิจมากขึ้น

2.ทำบัญชี, สต๊อกสินค้า

หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจทุกประเภทคือ ต้องรู้ต้นทุน กำไรของตัวเอง ดังนั้นการที่จะรู้ว่าเรามีกำไรหรือขาดทุนต่อเดือนเท่าไรนั้น การทำสต๊อกสินค้าและทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นวิธีเดียวที่จะอธิบายตัวเลขได้ดีที่สุด แต่ที่ผ่านมาเจ้าของร้านโชว์ห่วยมักจะมองข้ามตรงจุดนี้ และอาศัยความจำจากการซื้อขายในแต่ละวันมาคำนวณซึ่งเป็นวิธีที่ผิด อย่าลืมว่าร้านโชว์ห่วยส่วนใหญ่จะเป็นห้องแถว 1-2 ห้อง ซึ่งมีพื้นที่จำกัด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบริหารพื้นที่ให้ดีที่สุด

3.จัดระเบียบสินค้า

เรื่องการจัดวางสินค้านี้เป็นจุดที่ทำให้ร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่สร้างความได้เปรียบร้านโชว์ห่วยอย่างมาก เนื่องจากมีบริษัทแม่ซัพพอร์ตในการออกแบบและวางแผนผังร้านในหลายรูปแบบตามขนาดของร้าน ดังนั้นเจ้าของร้านโชว์ห่วยอย่างเราก็ไม่ควรมองข้ามในเรื่องนี้ การจัดร้านด้วยการแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทสินค้าที่ขายดี จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้ลูกค้าหาสินค้าได้ง่ายขึ้นซึ่งหมายถึงโอกาสในการขายมากขึ้น

4.เลือกสินค้าให้ถูก

โดยทั่วไปเจ้าของร้านค้ามักจะเลือกสินค้ามาขายจากที่ตัวเองคิดว่าน่าจะขายได้ แต่จะเป็นการดีกว่า ถ้าลองสังเกตว่ารอบๆ ร้านเรามีกลุ่มคนหรือสถานที่สำคัญรอบๆ อยู่หรือไม่ ปกติแล้วร้านโชว์ห่วยหนึ่งร้านจะสามารถรองรับครัวเรือนประมาณ 100-200 ครัวเรือน แต่ถ้าบริเวณร้านค้ามีแหล่งชุมชน เช่น โรงเรียน โรงงาน โรงพยาบาล หรือหอพัก การคัดเลือกสินค้าที่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการมาวางขายจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขายได้อีกทางหนึ่ง

5.ผ่าทางตัน

มีบทพิสูจน์มาแล้วว่าการจัดวางหมวดหมู่สินค้าแบบเป็นทางตันกับการจัดวางสินค้าให้ลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้ทั่วร้านจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขายได้อีกทางหนึ่ง เพราะโดยส่วนใหญ่คนที่มาซื้อของร้านโชว์ห่วยจะมีการวางแผนมาก่อนแล้วว่าจะซื้อสินค้าอะไร แต่การจัดวางสินค้าที่ถูกวิธี ถูกหมวดหมู่ จะทำให้เกิดการซื้อสินค้าแบบ Impulse Purchase เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้การซื้อสินค้าแต่ละครั้งมีจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น

6.สร้างความประทับใจในครั้งแรก (First Impression)

ให้ความสำคัญกับหน้าร้านไม่ว่าจะเป็นความสะอาด ความสว่างตอนกลางคืน ป้ายร้านที่โดดเด่น รวมถึงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ อาทิ ตู้เอทีเอ็ม, ตู้จำหน่ายน้ำดื่ม ที่จอดรถ ฯลฯ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในปัจจุบัน

7.สร้างชุมชน

การทำให้ร้านค้าของเรากลายเป็นแหล่งชุมชนที่คนทั่วไปต้องมาทำธุรกรรม ดังนั้น การแบ่งพื้นที่บางส่วนบริเวณหน้าร้านหรือข้างร้านมาให้เช่าทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายอาหาร ตู้เติมเงินมือถือ ตู้เอทีเอ็ม เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญปั๊มน้ำมันแบบหลอด ทั้งหมดนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค้าปลีกแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปริมาณคนที่มายังร้านค้าของเราอีกด้วย

การสร้างชุมชนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการขายสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึงการทำให้หน้าร้านเป็นศูนย์รวมของชุมชนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่สำหรับใส่บาตรในตอนเช้า การมีโต๊ะหินอ่อนหน้าร้านให้คนมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ก็ถือเป็นการสร้างชุมชนและความสัมพันธ์กับลูกค้าเช่นกัน

8.เขตปลอดฝุ่น

นอกจากการจัดเรียงสินค้าที่เป็นระเบียบแล้ว เจ้าของร้านต้องคำนึงถึงก็คือ ฝุ่น เพราะถ้ามีฝุ่นในร้าน นั่นหมายถึงความไม่เอาใจใส่ของเจ้าของร้าน แต่สำหรับงานค้าขายแล้วนอกจากจะทำให้ร้านสกปรกแล้ว ฝุ่นที่เกาะบนสินค้ายังเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอดคิดไม่ได้ว่า ของที่วางจำหน่ายนั้นเป็นของเก่าที่ขายไม่ออก และกลัวว่าสินค้าจะหมดอายุอีกด้วย

9.ติดราคาชัดเจน

สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมเข้าร้านสะดวกซื้อ เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการตั้งราคาขายที่เท่ากันในทุกสาขาทำให้ผู้ซื้อเกิดความมั่นใจ ตรงกันข้ามกับร้านโชว์ห่วย ร้านค้ารถเข็นที่ไม่ติดราคาขาย โดยเฉพาะกับร้านค้าที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวซึ่งมักจะนิยมบวกกำไรเข้าไปมากกว่าปกติ การตั้งราคาขายที่ชัดเจนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ลูกค้าประจำเกิดความมั่นใจในการเข้ามาซื้อสินค้า

10.ทำโปรโมชั่น

การเป็นร้านขายของชำขนาดเล็กที่ไม่มีสาขาก็ใช่ว่าจะทำโปรโมชั่นไม่ได้ ตรงกันข้ามการเลือกทำโปรโมชั่นดีๆ ง่ายๆ เช่น การสะสมแต้มเพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อของครั้งต่อไป หรือแลกรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถที่จะเพิ่มแรงจูงใจในการที่จะให้ลูกค้ากลับมาซื้อของจนเป็นลูกค้าประจำได้

11.ต่อรองซัพพลายเออร์

ค้าปลีกในบ้านเราประกอบด้วยค้าปลีกดั้งเดิม หรือร้านโชว์ห่วยประมาณ 400,000 ร้านค้า ขณะอีกครึ่งหนึ่งเป็นค้าปลีกสมัยใหม่ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาซัพพลายเออร์รายใหญ่ๆ ล้วนต้องการรักษาสมดุลของค้าปลีกทั้ง 2 ด้านเอาไว้ นั่นหมายความว่า ร้านค้าขนาดเล็กก็สามารถต่อรองขอส่วนลด ขอสินค้าตัวอย่าง หรือของแถมเล็กๆ น้อยๆ ได้ เพื่อเอามาเป็นของแถมให้ลูกค้าได้

12.ไมโครลีซซิ่ง

หลายคนอาจจะมองว่าการสินเชื่อกับร้านค้าย่อยเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเจ้าของร้านเลือกที่จะให้สินเชื่อในวงเงินที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปกับคนที่มาซื้อสินค้าจำเป็นพวกข้าวสาร อาหารแห้ง (ไม่ใช่สุรา, บุหรี่) กับลูกค้าประจำในบ้างโอกาสก็เป็นการซื้อใจลูกค้าได้เหมือนกัน

13.ดูโฆษณา
การดูโฆษณาทั้งจากทีวี หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร หรือแม้กระทั่งฟังวิทยุจะทำให้รู้ว่าช่วงเวลาไหนมีการเปิดตัวสินค้าอะไรใหม่ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วหลังการโฆษณาผู้บริโภคจะเกิดความต้องการที่จะทดลองใช้สินค้า ยิ่งสินค้าที่มีการโฆษณาถี่ ในช่วงเวลานั้นก็จะมีคนถามหาสินค้าเยอะ ลำพังการรอเซลส์แวะมาร้านเพื่อขายสินค้าตามรอบอาจจะไม่ทันกับความต้องการของผู้บริโภค เพราะร้านค้าขนาดเล็กความถี่ในการแวะมาของเซลส์อาจจะไม่มากนัก

14.สินค้าเด็ก

ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่มักจะนิยมเข้าร้านสะดวกซื้อมากกว่า ส่วนหนึ่งมาจากมีของที่เขาต้องการ ดังนั้นแม้ว่าเราจะเป็นร้านโชว์ห่วยแต่ก็สามารถจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งสินค้าที่เด็กนิยมซื้อในร้านสะดวกซื้อมาขาย รวมถึงการซื้อขนมมาแบ่งเป็นไซต์เล็ก แต่ต้องทำแพคเกจให้สะอาดและดูสวยงาม กับอีกสินค้าที่สามารถดึงกลุ่มเด็กเข้าร้านได้ก็คือ ของเล่นไม่ว่าจะเป็นของเล่นแผงแบบกระตุกซองขาย หรือจะเป็นของเล่นซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น

15.เลือกหาพันมิตร

หากผู้ประกอบการไม่มีความรู้เรื่องค้าปลีก หรือทำกิจการเพียงลำพังตัวคนเดียว การปรับปรุงร้านค้าไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ การเลือกเข้าเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์รายใหญ่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

ขอขอบคุณที่มาจาก : Brandage