กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สั่งการทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก เพิ่มกิจกรรมออนไลน์ ทั้งให้คำแนะนำส่งออก หาช่องทางจำหน่ายสินค้าไทย และจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ เพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกรับมือสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เผยล่าสุดทูตพาณิชย์เกาหลีจัดบรรยายลู่ทางเข้าสู่ตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้าอาหารและสปา ขณะที่ทูตพาณิชย์ลอสแองเจลิสจัดแมชชิ่งสินค้าน้ำตาลจากปาล์ม คาดมีโอกาสสูง
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกรมฯ ร่วมมือกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (สคต.) หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ จำนวน 58 แห่งทั่วโลก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งการให้คำแนะนำเรื่องการส่งออก (Online export clinic) การหาช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าไทย (Online sourcing) และการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Online business matching) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้านการส่งออก ตลอดจนให้คำแนะนำด้านการขยายตลาดส่งออกในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางและการจัดกิจกรรมต่างๆ
สำหรับการจัด Online export clinic เบื้องต้นที่กำหนดไว้ในช่วงเดือนเม.ย. – มิ.ย. 2563 จะเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับโอกาสทางการค้า การดำเนินธุรกิจในตลาดเมียนมา ตลาดอินเดีย ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา ในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง โดยทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง เมืองมุมไบ เมืองดูไบ และกรุงไคโร
ส่วนการจัด Online sourcing ประกอบด้วย 1) กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้ากับแพลตฟอร์ม คลัง.com ผ่านระบบ Tele-Conference ในวันที่ 8 เม.ย. 2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าไปจำหน่ายในร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มดังกล่าว เน้นสินค้าอาหารแฟชั่น สุขภาพและความงาม ของประดับตกแต่งบ้าน 2) กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับห้าง AEON ประเทศมาเลเซีย ในเดือนพ.ค. 2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหารเข้าไปจำหน่ายในห้าง 3) กิจกรรม Sourcing สินค้าไทยผ่านระบบ VDO Conference ในช่วงเดือนพ.ค. – มิ.ย. 2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหาร เครื่องสำอาง วัสดุก่อสร้าง ไปจำหน่ายในตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา 4) โครงการส่งเสริมสินค้าไทยผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ในเกาหลีใต้ อาทิ Coupang, SSG, Naver, Interpark, Gmarket และ 11st ในช่วงเดือนพ.ค. – ก.ย. 2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวไปจำหน่าย
ขณะที่การจัด Online Business Matching จะเน้นการจัดกิจกรรมโดยเชิญผู้นำเข้าและผู้ส่งออกหลายรายมาเข้าร่วม โดยมีกิจกรรมสำคัญ 4 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับผู้นำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมีความสนใจนำเข้าชิ้นส่วนจากไทยเพื่อทดแทนสินค้าจากแหล่งนำเข้าเดิม ในเดือนเม.ย. 2563 2) กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับผู้นำเข้าข้าว ผลไม้ สปา และรองเท้า ในตลาดอินเดีย เดือนมิ.ย. 2563 3) กิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านระบบ Tele – Conference กับผู้นำเข้าอาหาร เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง ในตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา ช่วงเดือนพ.ค. – มิ.ย. 2563 และ 4) กิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าฮาลาล จำนวน 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมิ.ย.และ ส.ค. 2563
นายสมเด็จกล่าวว่า หลังจากที่ได้มอบนโยบายไป ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ว่าได้จัดกิจกรรม Consult with the expert : How to export to Korea market (VDO Conference) ในหัวข้อ “How to Trade Online in Korea” ภายใต้โครงการ Business Support Center ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีใต้ ที่ปรึกษาทางการค้าระหว่างประเทศจาก KOIMA ผู้นำเข้าสินค้าสปาจากบริษัท RealRise Company ผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากบริษัท Homecook Co., Ltd. ผู้นำเข้าเครื่องดื่มจากบริษัท 8am Company & 8pm Company และนางสาววิลาสินี โนนศรีชัย ผู้อำนวยการสคต. ณ กรุงโซล ในการบรรยายตลาดการค้าออนไลน์ในเกาหลีใต้ และให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาศักยภาพสินค้าไทยให้เหมาะสมกับตลาดเกาหลี รวมทั้งให้คำแนะนำช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้สินค้าไทยมีโอกาสในการส่งออกไปยังเกาหลีมากยิ่งขึ้น โดยมีผู้ประกอบการด้านอาหารและสปา เข้าร่วมกว่า 100 คน
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ว่าได้จัด Online Business Matching ระหว่างผู้นำเข้าจากบริษัท Titan Foods, Inc. และผู้แทนของผู้ส่งออกไทยบริษัท Seth Intertrade เพื่อหารือถึงการนำเข้าน้ำตาลจากต้นปาล์ม (Palm sugar) ของไทย เนื่องจากมีโอกาสในการทำตลาดสหรัฐฯ โดยสินค้าต้องมีตรา non-GMO logo ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มาตรฐานที่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมองหา ทั้งนี้ ผู้นำเข้าจะจัดส่งรายละเอียดและช่องทางการยื่นขอตราสัญลักษณ์ โดยทูตพาณิชย์จะติดตามและแจ้งความคืบหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ และผลกระทบในมิติการค้ากับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยกรมฯ ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 58 แห่ง ใน 41 ประเทศ รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์เป็นรายวัน โดยรวบรวมไว้ ณ “ศูนย์ข้อมูลสถานการณ์การค้าจากผลกระทบไวรัส COVID-19” บนเว็บไซต์ของกรมฯ ที่ www.ditp.go.th
ทั้งนี้ การติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและทันท่วงทีจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือและปรับกลยุทธ์การทำงานและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น