ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“ตลาดช่องจอม” ด่านเชื่อมไทย-กัมพูชา แหล่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีสานตอนล่าง


ช่องจอมเป็นเส้นทางข้ามแดนที่ใหญ่และสะดวกที่สุดของจังหวัดสุรินทร์ที่จะไปยังกัมพูชา ทำให้มีการติดต่อสัญจรไปมา และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชาวไทยและชาวกัมพูชามาเป็นเวลาช้านาน เป็นที่มาของแนวความคิด ในการเปิดจุดผ่านแดนเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

 

สินค้าที่วางจำหน่ายเน้นเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าสินค้าเกษตรมักขายดีเป็นอย่างมาก ส่วนมากเป็นพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชานำเข้ามาขาย โดยเฉพาะแมงดา ต่างพากันเลือกซื้อนำมาปรุงเป็นอาหาร และสินค้าที่ประดิษฐ์จากไม้เช่น ม้านั่ง เสื่อสานจากไม้ไผ่ ตะกร้าสานจากไม้ไผ่   ปัจจุบันชาวกัมพูชาก็ยังคงข้ามแดนเข้ามาซื้อสินค้า อุปโภคบริโภคในตลาดฝั่งไทยอย่างคึกคักเช่นเดิม และมีนักเสี่ยงโชคชาวไทยที่หลั่งไหลข้ามแดนไปเสี่ยงโชคในบ่อนกาสิโนทั้ง 2 แห่ง ในฝั่งกัมพูชาอย่างคึกคักมากกว่าวันปกตินับพันคน

 

ปัจจุบันจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม หลังจากมีมติคณะรัฐมนตรีให้ขยายเวลาเปิด – ปิดด่าน โดยเปิดตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ยิ่งทำให้มีผู้คนต่างพากันไปจับจ่ายซื้อของกันอย่างคับคั่ง ขณะที่ผู้คนที่ผ่านด่านเข้า – ออก ไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองก็เริ่มมีจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต และการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครมาเมืองสุรินทร์แล้ว จะต้องแวะเวียนไปเที่ยว ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ซึ่งปัจจุบันมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อโครงการขยายถนนจากปราสาท – ช่องจอม ได้ขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจรเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะยิ่งส่งผลดีต่อด่านชายแดนแห่งนี้ให้เป็นด่านชั้นนำ ซึ่งโครงการขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจรนี้ ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนของกรมทางหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ อีกโครงการซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นนั่นก็คือ โครงการปรับปรุงด่านชายแดนช่องจอม ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างอาคารสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ณ ด่านช่องจอมแห่งนี้ เช่น โครงการปรับปรุงพื้นที่ด่านชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจะทำการก่อสร้างซุ้มประตู และงานปรับปรุงภูมิทัศน์พร้อมลานจอดรถและระบบระบายน้ำ งานระบบไฟฟ้าและไอที งานป้องกันอัคคีภัย ระบบปรับอากาศ  ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างอาคารและระบบทุกอย่างถึง 350 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อโครงการทั้งหมดที่กล่าวมาเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าอนาคตของจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมแห่งนี้ก็จะพัฒนาเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ในอีสานใต้ต่อไป