โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

‘ชื่น-เลย คอฟฟี่’ โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองแคน กาแฟออร์แกนิค แห่งแรก จ.เลย

ในห้วงช่วงเวลานี้ กระแสรักษ์สุขภาพและสินค้าที่มาจากธรรมชาติ 100 % หรือที่เรียกว่า ออร์แกนิค ถือว่าได้รับการตอบรับและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ กาแฟ เพราะปัจจุบันมีจำนวนผู้นิยมดื่มกาแฟสดเพิ่มขึ้นในทุกวัน จนก่อเกิดร้านกาแฟสดตั้งแต่ร้านขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่กระจายไปแทบจะทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ

ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายหรือสร้างกระแสความนิยมให้กับ กาแฟ ได้ก็คือการสร้างมูลค่าให้กับเจ้ากาแฟนั้นๆ และเคยมีผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านบางราย สร้างเรื่องราวหรือสตอรี่ความเป็นมาจนกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงก็มีจำนวนไม่น้อย

เช่นเดียวกับ ‘ชื่น-เลย คอฟฟี่’ ของวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองแคน ที่นำเอาจุดเด่นในเรื่องของผลิตที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เป็นกาแฟออร์แกนิคแห่งแรก จ.เลย

จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โดย นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบัน “กาแฟออร์แกนิค” (Organic Coffee) เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับกระแสความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นกาแฟที่ปลูกโดยวิธีทางธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคกาแฟที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เกษตรกรจึงหันมาปลูกกาแฟเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ จ.เลยเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยเกษตรกรในพื้นที่รวมกลุ่มในรูปของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน ปลูกกาแฟโรบัสต้าออร์แกนิค 100% จนประสบผลสำเร็จเป็นแห่งแรกของจ.เลย ถือเป็นต้นแบบของวิสาหกิจชุมชนจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิต สร้างรายได้ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกันของเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย

นางสุปราณี มืดทับไทย ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกร 20 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกประมาณ 300 ไร่ ให้ผลผลิต 23.4 ตัน/ปี มีต้นทุนการผลิต 4,487.64 บาท/ไร่ (เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปีที่ 3) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว ระหว่างเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 78 กก./ไร่ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 816.36 บาท/ไร่ ผลผลิตเกือบทั้งหมดทางกลุ่มจะจำหน่ายในรูปของสารกาแฟ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาท/กก. ปริมาณร้อยละ 67 จำหน่ายให้แก่ผู้รวบรวมตัวแทนเกษตรกร และร้อยละ 29 จำหน่ายให้แก่พ่อค้าในท้องถิ่น ซึ่งมารับซื้อถึงพื้นที่แล้วนำไปส่งขายให้กับโรงงานแปรรูป ส่วนผลผลิตที่เหลือไม่ถึงร้อยละ 5 ทางกลุ่มนำมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น เมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟสด กาแฟคั่วบดในซองดริป ชาดอกกาแฟ และสบู่กาแฟสมุนไพร ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ชื่น-เลย คอฟฟี่” โดยจำหน่ายผ่านหน้าร้าน ชื่น-เลย คอฟฟี่ ตั้งอยู่ใน อ.นาด้วง จ.เลย และผ่านทางออนไลน์ facebook วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน รวมถึงมีการออกบูธตามงานต่างๆ ปัจจุบันสินค้ามียอดสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60,000 บาท/ปี

สำหรับกาแฟโรบัสต้าของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นกาแฟออร์แกนิค 100% แล้ว ทางกลุ่มยังให้ความใส่ใจการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก ดูแลรักษา จนถึงเก็บเกี่ยว โดยพื้นที่ปลูกได้ผ่านการตรวจสอบจาก Central Lab Thai หน่วยงานภายใต้การสนับสนุนของสำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่าไม่มีสารเคมีปนเปื้อน การดูแลรักษาต้นกาแฟมีการตัดแต่งกิ่งให้เหมาะสม และรดน้ำพรวนดินอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ต้นกาแฟแข็งแรงไม่มีโรครบกวน ส่วนการเก็บเกี่ยวจะคัดเลือกเก็บเฉพาะเมล็ดที่สุกแล้วเท่านั้นเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน และที่สำคัญทางกลุ่มได้ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับสี่ดาว ประเภทเครื่องดื่มอีกด้วย

ด้าน นางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน ยังเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อ.นาด้วง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร หรือผู้ที่สนใจปลูกกาแฟออร์แกนิคให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งในอนาคตทางกลุ่มมีแนวโน้มจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรในหมู่บ้านหันมาปลูกกาแฟออร์แกนิกมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมถึงให้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวก ง่าย และรวดเร็ว ทั้งนี้ แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟในจังหวัดเลยให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนนั้น ควรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต สร้างตลาดใหม่ โดยเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจรบนพื้นฐานของศักยภาพและอัตลักษณ์ของกาแฟ รวมถึงการผลิตกาแฟเฉพาะถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลการผลิตกาแฟออร์แกนิค ทางกลุ่มยินดีให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานได้ หรือขอคำปรึกษาได้ที่นางสุปราณี มืดทับไทย ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านหนองแคน หมู่ที่ 9 บ้านหนองแคน ต.นาด้วง อ.นาด้วง จ.เลย โทร. 095-541-2945