โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

รับมือกับ "งานหนัก" ต้องจัดการกับตัวเองอย่างไรถึงจะไปรอด

เชื่อเลยว่าหลาย ๆ คนคงใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตอยู่กับการทำงาน และแน่นอนว่าทุกคนจะต้องเจอกับ “งานหนัก” หรืองานที่มากเกินไปจนทำไม่ทัน งานเก่ายังไม่เสร็จก็มีงานใหม่เข้ามาจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะแนะนำวิธีการจัดการกับงานที่ยุ่งเหยิงแบบไม่ต้องฝื่นใจทำ เป็นอีกแนวทางที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้งานของเรานั้นเสร็จได้ มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีใดบ้าง

1.วางแผนก่อนทำงาน

ต้องรู้จักวางแผนการทำงาน เริ่มจากจดทุกอย่างที่ต้องทำไว้ โดยเรียงลำดับตามความสำคัญของงาน เมื่อทำเสร็จก็ขีดฆ่าออกไป รู้สึกดีใช่ไหมที่สามารถเคลียร์งานแต่ละตัวออกไปได้อย่างต่อเนื่อง หรือจะลองจัดสรรเวลาทำงานโดยใช้หลักการของ Pareto ยึดหลัก 20/80 แบ่งงานของเราออกเป็น 2 ประเภท คือ
งานสำคัญมากที่สุด 20% ที่เหลือ 80% คืองานที่สำคัญรองลงมา แล้ววางแผนต่อว่า 80% ของเวลาทำงานในแต่ละวัน เราได้ทุ่มเทกับงานสำคัญ 20% ที่ว่านี้อย่างเต็มที่หรือไม่ หากรู้จักวางแผน จัดลำดับความสำคัญของทุกสิ่งอย่างแล้ว การงานทุกอย่างก็จะลงตัวมากขึ้น และทำให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

2.ต้องมีเวลา Golden Time เป็นของตัวเอง

คือเวลาที่ทำงานแล้วรู้สึกสนุกสนาน สามารถทำงานอย่างมีสมาธิ และมีประสิทธิภาพสูง เวลาทองสำหรับตัวเองก็คือเวลาที่ตัวเองสามารถทำงานอดิเรก หรือสิ่งที่ตัวเองชอบได้ นอกจากนั้นยังต้องค้นหาเวลาทองสำหรับครอบครัวด้วย เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานด้วย

การกำจัดความสูญเปล่าความไม่สม่ำเสมอและการฝืนทำกำจัดความสูญเปล่าเวลาทำงานที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์โดยตรง จริงๆ แล้วมีไม่ถึงครึ่ง การกำจัดความสูญเปล่าจะทำให้เราเพิ่มงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้มากขึ้น การวางแผนแล้วทำงานอย่างมีแผน จะช่วยลดความสูญเปล่าได้

3.เลือกทิ้งงานบางอย่าง เพื่อทำงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า

ถ้าอยากทำไปหมดทุกเรื่อง ก็ไม่สามารถทำงานที่สำคัญจริง ๆ ได้ ต้องทำงานแต่ละอย่างที่อยู่ในมือให้เสร็จเรียบร้อย งานที่ทำได้ทันทีก็ต้องรีบจัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยไปก่อน เป็นการลดจำนวนของงานลงได้ชัดเจน ถ้างานแต่ละอย่างล้วนแต่ทำคั่งค้างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็จะทำให้กังวลใจ ไม่มีสมาธิที่จะทำงานอย่างอื่นต่อไปได้

4.ใช้เส้นตายและเป้าหมายเป็นแรงกระตุ้น

นอกจากเส้นตายที่เจ้านาย หัวหน้า หรือลูกค้ากำหนดไว้ จะเป็นเชื้อไฟในการทำงาน (วินาทีสุดท้าย) ได้เป็นอย่างดี หรือจะลองใช้วิธีที่ดีต่อใจมากกว่า ด้วยการตั้งเป้าหมายว่าหากทำงานนี้เสร็จ เราอยากทำอะไร หรือจะให้รางวัลอะไรกับตัวเอง มีเป้าหมายมาล่อใจอย่างนี้ มีพลังในการทำงานอย่างแน่นอน

5.ตัดสินใจทันที สรุปให้ได้

หากเราทำงานอย่างรวดเร็วจะช่วยให้เกิดกำลังใจในการทำงาน และกระตุ้นความรู้สึกในการบรรลุเป้าหมาย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ให้ใช้วิธีหักลบในการทำงาน

6.ต่อสู้กับความยากให้ได้

พึงระลึกไว้เสมอว่า งานยากเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ งานหนักสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้กับตัวเรา เมื่อค่อย ๆ เรียนรู้ปัญหาและหาทางแก้ไขได้ เราจะค้นพบตัวเองว่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ต่อไปเมื่อต้องเจอกับงานยากเท่าไหร่ก็ไม่หวั่น เพราะที่สุดแล้วเราก็จะผ่านไปได้ เพราะเคยผ่านมันมาแล้ว

7.ล้นมือจนทำไม่ไหวให้ยกมือขึ้น
หากปริมาณงานที่ได้รับมอบหมายมากเกินไป ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว ต้องรีบแจ้งหัวหน้างานให้ช่วยหาวิธีแก้ปัญหาทันที ดีกว่าให้งานทั้งหมดมากองอยู่ที่เรา จนต้องล่าช้าส่งผลกระทบไปยังส่วนงานอื่น ๆ

เพราะกันรับมอบหมายงานโดยส่วนใหญ่แล้วคนสั่งมักจะไม่เข้าใจถึงรายละเอียดการทำงาน เขาเหล่านั้นจะสนใจแต่ผลลัพธ์และระยะเวลาที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้น ดังนั้นหากรู้แล้วว่าไม่ไหวควรรีบแจ้งหัวหน้างงาน หรืออธิบายให้คนสั่งงานรู้ว่างานแต่ละชิ้นนั้นมีขั้นตอนและวิธีการที่ต้องใช้เวลา

8.ออกจากกรอบ รับสิ่งใหม่

การอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม อยู่ทุกวัน นำไปสู่การเบื่องานได้ในที่สุด แถมยิ่งหนักเป็นสองเท่า หากเจอสถานการณ์งานรุมเร้า เพราะทั้งเบื่อและทั้งเหนื่อย ทางที่ดี อย่าทำตัวให้คุ้นชินกับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ไปหาบรรยากาศใหม่ ๆ ในการทำงาน ลองเปลี่ยนมุม หรือย้ายที่นั่งทำงานชั่วคราว จะได้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการทำงาน กระตุ้นให้อยากสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิผลมากขึ้น

9.สะสางสิ่งที่อยู่รอบตัวเพิ่มความคล่องตัว
สะสาง สะดวก คือ การทิ้ง เก็บรวบรวม กำหนดสถานที่เก็บ ดูแลรักษา ซ้ำหลาย ๆ ครั้งเป็นประจำ จะทำให้สามารถใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เป็นประโยชน์สูงสุด

10.ให้รางวัลตัวเองบ้าง

ทุ่มเททำงานหนักแล้วก็อย่าลืมหาเวลาพักบ้าง ดูแลตัวเองกันด้วย เพราะร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ยิ่งทำงานหนักก็ยิ่งต้องใส่ใจดูแลสุขภาพ หาเวลาออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำตลอดอย่าให้ขาด การดูแลตัวเองเป็นอย่างดีจะทำให้มีสุขภาพกายแข็งแรง เพิ่มพลังกาย พลังใจ และพลังสมองในการทำงานหนักได้ต่อไป

เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้เพื่อให้เกิดผลของการทำงานที่ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งสำคัญหากวันหนึ่งรู้สึกไม่มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม หากตัวเราได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว ก็จงถอยออกมาเริ่มใหม่ หาสิ่งใหม่หรืองานใหม่ทำ ออกจาก Safe Zone เพื่อเจอโลกใบใหม่

อย่าทนอยู่กับสิ่งที่ไม่มีความสุขนานมากนั้นมันจะกลายเป็นการบั่นทอนชีวิต เราไม่รู้หรอกว่าหากก้าวออกไปแล้วสิ่งที่เจอจะดีหรือไม่ดีแต่อย่างนั้นมันคือประสบการใหม่ที่เราสามารถเลือกเองได้ และทำให้มันดีขึ้นได้จากประสบการณ์ที่เคยผ่านมา