ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

4 ปัจจัยหลักที่ควรให้ความสำคัญหากอยากเปิด “ร้านกาแฟ” ไม่ให้เจ๊ง


ร้านกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจยอดนิยมหรือธุรกิจในฝันของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ ซึ่งรูปแบบของธุรกิจร้านกาแฟมีให้เลือกลงทุนอยู่ 2 แบบหลัก คือ แฟรนไชส์ และแบบลงทุนเปิดร้านเอง วันนี้ ชี้ช่องรวยจะมาพูดถึงรูปแบบเปิดร้านเองว่าจะทำอย่างไรให้ร้านกาแฟของเรานั้นสามารถเติบโตได้ โดยมีปัจจัยหลักที่ควรคำนึงอยู่ 4 ข้อ ดังนี้

1.รสชาติของของ กาแฟ สร้างความโดดเด่นให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ปัจจัยเรื่องรสชาติกาแฟ ถือเป็นตัวที่จะบอกว่าร้านของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หากบรรยากาศร้านดี แต่กาแฟรสชาติไม่ดี นักดื่มก็จะหันไปเข้าร้านอื่นแทน รสชาติกาแฟที่ดีจะต้อง match กับขนมในร้านด้วย หลายคนไม่ได้คิดถึงข้อนี้ทำให้กาแฟที่ชงเสียรสชาติไปกับขนมในร้านที่ไม่เข้ากันเลย ดังนั้นการทำรสชาติให้ลงตัวหรือสร้างความโดดเด่นของรสชาติไม่เหมือนใครจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของร้านจะต้องหามันให้เจอ
ยกตัวอย่าง

หากร้านของคุณมีขนมหวานหรือเบเกอรี่ คุณจะต้องสามารถแนะนำลูกค้าได้ว่าขนมชนิดไหนเข้ากับกาแฟประเภทอะไร ถึงแม้ลูกค้าจะไม่ได้ชอบทานกาแฟชนิดนั้นหรือมีชนิดกาแฟที่ชอบอยู่แล้ว เจ้าของร้านเองก็สามารถแนะนำให้ลูกค้าได้เปิดประสบการใหม่ได้เช่นกัน

2.วัตถุดิบชั้นดี และการบริการ ถือเป็นสิ่งสำคัญ

วัตถุดิบในการชงกาแฟ และการให้บริการลูกค้าสำคัญมาก เริ่มตั้งแต่แก้วกาแฟ เมล็ดกาแฟ ผู้ให้บริการ รวมไปถึงการออกแบบตกแต่งร้าน

  • แก้วกาแฟ หลายคนอาจไม่ได้คิดถึง แต่แก้วกาแฟที่ชวนให้ดื่มเหมือนกับเป็น Packaging ให้กับกาแฟในแก้วนั้น ๆ เวลาลูกค้าซื้อกาแฟแบบ “กลับบ้าน” ก็จะต้องนำแก้วกาแฟกลับไปด้วย หากมันดูดีมีราคา ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกดี พลอยทำให้รู้สึกว่ากาแฟนี้รสชาติดีตามไปด้วย เรื่อง Branding จึงสำคัญไม่แพ้กัน
  • เมล็ดกาแฟ การคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของ “กลิ่น” ถ้ากลิ่นดีนอกจากจะเป็นการชวนให้คนเข้าร้าน ยังทำให้รู้สึกดี ผ่อนคลายอารมณ์ และการบอกเล่าเรื่องราวที่มีของเมล็ดกาแฟก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่ช่วยให้ลูกค้าคล้อมตามไปกับรสชาติกาแฟนั้นๆ จงอย่าลืมว่าผู้คนหันมาดื่มกาแฟมากขึ้นรวมไปถึงการหาข้อมูลของกาแฟชนิดต่างๆ การเสริมประสบการณ์ เรื่องราว ของกาแฟแต่ละแก้วจะช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านของเราได้
  • การบริการของพนักงาน ตั้งแต่พนักงานชงกาแฟ ไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟ ควรยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง บางคนซื้อกาแฟร้านนี้เพราะความ “คุ้นเคย” กับผู้ให้บริการทำให้ติดใจมาซื้อซ้ำบ่อย ๆ ก็มีครับ

3.ทำเลที่ตั้ง และการตกแต่งร้าน

ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ในส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องจริงหากร้านของเราตั้งอยู่ในทำเลที่มีคนเดินมาก และมีความ “สะดวก” ที่จะทำให้ผู้คนแวะพัก ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ “คู่แข่ง” การเข้าไปถึงพื้นที่ที่ยังไม่มีคู่แข่ง และซื้อใจลูกค้าได้ก่อนจะได้เปรียบคนที่มาตั้งทีหลัง 

บางครั้งเราเปิดร้านอยู่ก่อนแล้ว มีคู่แข่งมาเปิดใกล้ ๆ หากร้านเรายังมีลูกค้าประจำ โอกาสรอดก็มีมาก แต่ถ้าเราไม่มีลูกค้าประจำก็ต้องดูว่าร้านที่มาเปิดใหม่จับลูกค้ากลุ่มไหนการตกแต่งร้านให้เป็นเอกลักษณ์ก็จะช่วยสร้างความแตกต่าง และภาพจำให้กับลูกค้าได้เช่นกัน

4.”เงินทุน” เตรียมให้พร้อม
ทั้งหมด ทั้งมวล เราต้องรู้ก่อนว่าร้านกาแฟในฝันของเรานั้นใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็น ค้าเช่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์ ค่าวัตถุดิบ รวมไปถึงค่าพนักงาน(ถ้ามี) ซึ่งขึ้นตอนต่อไปเราก็ต้องกลับมาวางแผนการเงินให้รอบคอบว่าเงินทุนหมุนเวียนต่อ วัน สัปดาห์ เดือน ใช้เท่าไหร่ โดยหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 3 ก้อนดังนี้

  • ก้อน 1 “ใช้สำหรับหมุนเป็นสภาพคล่อง”

ก้อนนี้ควรจะเป็นเงินสด เอาไว้หมุนเวียนรายวัน ซื้อเมล็ดกาแฟ ซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ รายเดือนก็จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน เป็นต้น ควรมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอต่อรายจ่ายต่อเดือน หรือต่อปี

  • ก้อนที่ 2 “เก็บเป็นทุนสำรอง”

ก้อนนี้สำหรับเก็บสะสมไว้ยามฉุกเฉิน เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด โดยควรแบ่งกำไรที่ได้จากการประกอบกิจการมาเก็บไว้ จะฝากไว้กับธนาคาร หรือนำไปลงทุนระยะยาวก็ได้

  • ก้อนที่ 3 “เงินก้อนสำหรับลงทุนขยายกิจการ”

กิจการที่ดีไม่ควรหยุดนิ่ง หากมีเงินเหลือควรแบ่งมาลงทุนเพื่อขยายกิจการเพิ่มเติม หรือเก็บไว้ปรับปรุงร้านให้ดูดีเสมอ เพราะหากมีคู่แข่งเข้ามา ร้านเรามีลูกค้าประจำแล้ว แถมยังดูดี ก็จะช่วยรักษาลูกค้าได้ในระยะยาวได้

สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรลืม คือ การตั้งราคาที่เหมาะสม หากแพงจนเกินไปก็จะไม่มีลูกค้าซื้อ หรือหากถูกเกินไป ก็จะทำให้ขาดทุนการคิดคำนวณต้นทุนที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก มองให้ออกว่าสิ่งใดคือต้นทุนแล้วเราก็จะมองเห็นกำไรได้ไม่ยาก