เป็นที่ทราบกันดีด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนเป็นวงกว้างอันเนื่องมาจากมาตรการการรับมือของภาครัฐที่ต้องการควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค รวมทั้งความระมัดระวังในการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไป ทำให้ธุรกิจบริการหลายประเภท มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการเพื่อสนองรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข จนกระทั่งขาดรายได้ และมีความจำเป็นต้องลด หรือเลิกจ้างพนักงาน หรือแม้กระทั่งปิดตัวลงด้วยต้านทานพิษเศรษฐกิจไม่ไหว ธุรกิจร้านนวด-สปา ก็เป็นอีกประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอันเนื่องมาจากสถานการณ์กล่าว ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการที่ลดลง ส่งผลทำให้การใช้บริการนวด/สปาได้ทยอยลดลงตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน 2563
จนกระทั่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี พบผู้ติดเชื้อน้อยลงจนอยู่ในระดับตัวเลขที่ไว้วางใจได้ รัฐบาลจึงมีมาตรการผ่อนปรนจนมาถึงระยะที่ 3 ซึ่งได้มีการอนุญาตให้สถานบริการประเภทคลินิกความงาม ร้านนวด/สปา กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีการกลับมาให้บริการตามปกติจะต้องอยู่ในมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องมีมาตรการหลัก 3 ด้าน คือ
1.ด้านดูแลสถานที่
2.ด้านการดูแลบุคลากร
3.ด้านการเข้ารับบริการของลูกค้า
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการ โดยจะต้องนำแนวทางของคณะกรรมการโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงเลี่ยงการติดเชื้อของผู้ใช้บริการหรือพนักงานผู้ให้บริการก็ดี
โดย ศูนย์วิจัย RDI มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (Dhurakij Pundit University Research Development and Innovation หรือ DPURDI) ได้ทำการสำรวจในหัวข้อ “ร้านนวด/สปาต้องทำอย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้บริการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง” ซึ่งได้ทำการสำรวจลูกค้าที่เคยใช้บริการร้านนวด/สปาและผู้ที่สนใจ นวด/สปา โดยผลสำรวจพบว่ามากกว่าร้อยละ 80 จะกลับมาใช้บริการร้านนวด/สปา อีกครั้งถึงแม้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่เป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เกือบร้อยละ 50 จะไปใช้บริการในวันแรก ๆ ที่เปิดให้บริการ
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการให้บริการของกลุ่มธุรกิจบริการร้านนวด-สปา ที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจอย่างจริงจังหลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนก็คือความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
จากการสำรวจที่เกี่ยวข้องกับมาตรการของรัฐบาลพบว่าสิ่งผู้ใช้บริการให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ
-ด้านการเข้ารับบริการของลูกค้า
-อันดับสอง คือ การดูแลบุคลากร
-และอันดับสุดท้ายการดูแลสถานที่/ สถานประกอบการ
เมื่อพิจารณาในด้านการเข้ารับบริการของลูกค้า พบว่าประเด็นสำคัญ 5 อันดับแรกที่ผู้ใช้บริการให้ความสำคัญคือ
1.การทำความสะอาด ทั้งอุปกรณ์ในการให้บริการ ได้แก่ ผ้าคลุม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
2.ทำความสะอาดจุดที่ลูกค้าทุกคนมีโอกาสสัมผัสร่วมกันได้แก่ กลอนประตู โต๊ะรับแขก ลูกบิด ราวบันได ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และพ่นสเปรย์ยาฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ
3.จัดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น อ่างล้างมือพร้อมสบู่เจลล้างมือแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยประจำจุดที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องพักผ่อน บริเวณโซนต้อนรับ
4.สถานประกอบการได้รับการตรวจและผ่านมาตรฐานการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
5.บรรยากาศดี ผ่อนคลาย สงบ และปลอดภัย
ในขณะที่การดูแลบุคลากร ผู้ใช้บริการให้ความสำคัญ 3 อันดับแรก ได้แก่
1.มีการตรวจวัดอุณหภูมิของเจ้าหน้าที่ทุกคนก่อนเริ่มงาน
2.พนักงานแต่งกายสะอาด รัดกุม สวมหน้ากากอนามัย/face shield ตลอดเวลาขณะปฏิบัติหน้าที่
3.พนักงานได้ผ่านการอบรมจากกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับการเข้ารับบริการของลูกค้า พบว่า ผู้ใช้บริการให้ความสำคัญด้านนี้มากที่สุด โดยให้ความสำคัญ 5 อันดับแรก ดังนี้
1.พนักงานจะต้องล้างมือทุกครั้งด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังการให้บริการ
2.มีการตรวจวัดอุณหภูมิ และซักประวัติผู้เข้ารับบริการก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
3.การให้บริการนวด/สปาจะใช้ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ 1 ชิ้นต่อ 1 คน
4.เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดจัดเก็บขยะโดยแยกขยะติดเชื้อ เช่น กระดาษชำระ หน้ากากอนามัย โดยเก็บแยกในถุงที่มิดชิด
5.ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการนวด/สปา
จะเห็นได้ว่าการลดความเสี่ยงและการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น นอกจะเกิดขึ้นได้จากความระมัดระวังความเคร่งครัดในการใช้ชีวิตของประชาชนแล้ว การปรับตัวของสถานประกอบการก็มีส่วนสำคัญ ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยด้านสุขอนามัยที่สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาลหรือผลสำรวจตามที่กล่าวมาในข้างต้น จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง