ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“ผักกาดดอง แม่บ้าน” ของดีเมืองราชบุรี สินค้าพื้นบ้านส่งออกทั่วโลก


ไม่น่าเขื่อว่า ผักกาดดอง อาหารพื้นบ้านของไทย ที่มีมาช้านานจะสามารถขยายตลาดส่งออกไปทั่วโลก ส่วนทางกับสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด 19 อย่างสินเชิง หนึ่งความภาคภูมิใจผลิตภัณฑ์แบรนด์ของคนไทยอย่าง “ผักกาดดอง แม่บ้าน” ที่ผ่านการพัฒนาจนประสบความสำเร็จมียอดขายถึง 25 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

คุณอุดม ใจเย็น เจ้าของธุรกิจ “ผักกาดดอง แม่บ้าน” เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่มาว่า ได้เริ่มต้นทำธุรกิจผักกาดดองเมื่อ 30 ปีก่อน ได้เริ่มต้นทำธุรกิจนี้กับภรรยา ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้เลยว่าจะทำธุรกิจอะไร พอดีได้ไปเดินงานกาชาด และเห็นว่าในงานมีของกินขายมากมาย แต่ที่สะดุดตา คือ ผักกาดดองทำให้เกิดไปเดียอยากทำของกินขายบ้าง หลังจากรู้แล้วว่าอยากทำอะไรก้ได้เริ่มลองผิดลองถูกอยู่นาน จนได้ผลิตภัณฑ์อย่างแรก คือ ผักกาดดอง ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมเรื่อยมาจึงสะสมเงินทุนเปิดเป็นโรงงานผลิตอย่างจริงจัง

ประจวบเหมาะกับก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เข้ามาสนับสนุนสินค้า OTOP ชุมชน จึงได้รับการเรียนรู้ในการสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และขยายโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP HACCP ISO9001 : 2015 และ 2010 อีกหนึ่งแห่ง คือ บริษัท แอนด์บีฟู้ดโปรดักส์ จำกัด ที่ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ แม่บ้าน โดยมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง หน่อไม้ต้มใบย่านาง ไชโป้หวาน เป็นต้น

คุณอุดม บอกว่า ตนมีลูกชาย 3 ที่เข้ามารับช่วงต่อและพัฒนาธุรกิจในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด นวัตกรรมการผลิต และ การส่งออก ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ตราแม่บ้านส่งออกไปขายยังต่างประเทศทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น อเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน  และเวียดนาม โดยสินค้าที่ขายดี คือ หน่อไม้ดอง และผักกาดดอง ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 มียอดขายต่อขึ้นถึง 192% นั่นมาจากนวัตกรรมสินค้าเก็บได้นาน 1 ปี ผู้คนจึงหันมานิยมอาหารแปรรูปทำให้มียอดการจำหน่ายมากขึ้น

ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9,000 ซองต่อวัน วัตถุดิบที่ได้มากจากจังหวัดที่อยู่รอบ ราชบุรี อย่าง กาญจนบุรี และ จังหวัดทางภาคเหนือ โดยรูปแบบการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรเป็นรูปแบบคอนแทคฟาร์มมิ่งทำให้มีวัตถุดิบทั้งปี และเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรการแบบยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการรับผลิตในรูปแบบของ OEM อีกด้วย สำหรับสัดส่วนการขายแบ่งออกเป็นในประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์ ต่างประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์

“ที่ผ่านมาธุรกิจสามารถเติบโตได้ขนาดนี้เพราะได้รับการสนับสนุนเงินทุกจาก SME D Bank ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ที่นำเอามาพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ขยายตลาดการส่งออก และกำลังจะเปิดตลาดใหม่ อย่าง อิสราเอล บาร์เรน ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า” คุณอุดม กล่าว