โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เปิดมุมมอง “มานะ ฮาดสุวรรณ” แห่ง “โลโซโตเกียว” กับการสร้าง “Operation Manual” เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้มาตรฐานเดียวกัน

หากจะพูดถึงธุรกิจแฟรนไชส์ขนมโตเกียว เชื่อได้เลยว่าหลายคนจะต้องคุ้นหูและคุ้นตากับ “โลโซโตเกียว” ที่มีเอกลักษณ์ไม่ว่าจะเป็น สีสัน รูปลักษณ์หน้าตาของขนมที่ไม่เหมือนใคร ตลอดรวมไปถึงราคาที่ไม่ว่าใครก็สามารถจับต้องได้ และยังสามารถขายได้ในทุกทำเลที่มีผู้คนพลุกพล่าน หน้าโรงเรียนสถานศึกษา ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอีกธุรกิจหนึ่งเลยทีเดียว

 


“โลโซโตเกียว” ก่อตั้งขึ้นจากการบุกเบิกของ “คุณมานะ ฮาดสุวรรณ” จากอดีตพ่อครัวที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของกิจการแฟรนไชส์ขนมโตเกียว ซึ่งก่อนหน้าที่จะประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ เขาได้ทำกิจการมาแล้วหลายอย่างแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งมาเริ่มต้นพัฒนาสูตรขนมโตเกียว จากการนำเอาประสบการณ์การเป็นพ่อครัวมาปรับใช้และพัฒนาจนได้สูตรแป้งขนมโตเกียว รวมไปถึงไส้ขนมที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ จนในวันนี้ “โลโซโตเกียว” ได้ขยายสาขาไปแล้วมากกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ


“แรงบันดาลใจของผม คือ ต้องการที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เดินทางมาหางานทำที่กรุงเทพฯ และหวังที่จะส่งเงินกลับไปให้ที่บ้าน แม้ว่าในช่วงแรกจะหางานไม่ได้เพราะผมเป็นคนตัวเล็ก แต่ในที่สุดก็ได้งานและไต่เต้าจนได้เป็นพ่อครัว ทำงานมาหลายปีก็คิดอยากจะมีกิจการส่วนตัว จึงออกมาเปิดร้านขายผลไม้แต่เจอปัญหาต้นทุนสูงขายไม่ได้กำไร เปลี่ยนอาชีพมาขายบาบีคิวแต่ขายได้น้อย มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ลองขายไก่ย่างแต่เจอกับคู่แข่งจำนวนมากทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนมาขายลูกชิ้นปิ้ง ขายปลาหมึกย่าง ขายไข่ทอด และอีกหลายอาชีพก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเงินทุนที่มีเริ่มร่อยหรอ โชคดีมีเพื่อนที่ขายขนมโตเกียว มาช่วยสอนสูตรทำขนมโตเกียวให้ จึงเริ่มต้นขายขนมโตเกียวตั้งแน่นั้นมา”

 


เมื่อค้นพบว่า “ขนมโตเกียว” เป็นธุรกิจที่มาถูกทาง “คุณมานะ” จึงปรับปรุงพัฒนาสูตรขนมใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างจากขนมโตเกียวทั่วไป โดยการนำเอาประสบการณ์จากการเป็นพ่อครัวมาประยุกต์ นำไปขายที่ตลาดย่านบางปะกอก ช่วงแรกของการขายเจออุปสรรคเจ้าของสถานที่ไม่ให้ขาย จนมาได้ที่ประจำหน้าร้านแห่งหนึ่งและต้องจ่ายค่าสถานที่ จากเปิดขายเป็นรถเข็นเล็กๆ ปรากฏว่าภายในเดือนเดียว โลโซโตเกียว มียอดขายเติบโตอย่างมาก จนสามารถซื้อบ้านซื้อรถได้ และใช้หนี้สินจนหมด ปัจจุบัน โลโซโตเกียวดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 13 ปี ( เพิ่งเปิดดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ได้ 4 ปี) ขณะนี้ มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศเกือบ 300 สาขา ( ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2563 ) และในอนาคตกำลังขยายไปตลาดต่างประเทศอีกด้วย

“การเริ่มต้นธุรกิจนั้นไม่ยาก แค่มีใจที่อยากจะทำและมีเงินทุนพร้อม ก็สามารถเริ่มต้นกิจการได้ แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะมีความอดทนและมีใจรักแล้ว ความซื่อสัตย์ต้องมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ โลโซโตเกียว เติบโตมาได้ทุกวันนี้ ทั้งหมด “ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ต้องรู้จักเก็บรู้จักใช้ มีความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ห้ามลดทอนคุณภาพของวัตถุดิบเพื่อหวังกำไรเล็กๆ น้อยๆ ต้องคิดเสมอว่าลูกค้าก็คือตัวเรา เราขายให้เรากินเอง หากเราได้กินของไม่มีคุณภาพเราก็จะไม่กินอีก ลูกค้าก็เช่นกัน หากทำของคุณภาพ มีความสะอาด มีบริการที่ดี ลูกค้าย่อมกลับมาซื้อซ้ำอีกอย่างแน่นอน”

 


จุดเด่นของ “โลโซโตเกียว” คือ เน้นความแปลกใหม่ทั้งด้านสีสันและไส้ของขนม พร้อมทั้งสร้างสรรค์เมนูที่ต่างจากขนมโตเกียวทั่วไปในท้องตลาด รวมถึงความนุ่มและไม่เหนียวของตัวแป้ง ซึ่งแม้จะซื้อไปนานแล้วแต่เนื้อแป้งยังคงสภาพและมีรสชาติที่ดีอยู่ อีกทั้งราคาขายก็เริ่มต้นเพียยงชิ้นละ 10 บาทเท่านั้น มีเมนูมีให้ลูกค้าเลือกได้มากกว่า 30 เมนู โดยเมนูยอดนิยมและขายดี ได้แก่ โตเกียวไส้กรอก โตเกียวไส้ครีม กุ้งเทมปุระ และไก่ Spicy ไก่เทอริยากิและเมนูยอดฮิตที่สุดของแฟรนไชส์ทุกสาขา ก็คือ เบอร์เกอร์ไก่ ซึ่งขายดีมาก ถือเป็นขนมหรือของว่างที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ ด้วยคุณภาพและราคาขนาดนี้ทำให้ขายได้ง่าย ลูกค้าตัดสินใจซื้อไม่นาน ที่สำคัญยังสามารถขายในแหล่งชุมชน ตลาดนัด หน้าโรงเรียน และอื่นๆ ได้ทุกที่


“นอกจากจะขยายสาขาแฟรนไชส์ 300 สาขาในประเทศแล้ว เรายังผลิตแป้งขนมส่งไปยังต่างประเทศ เช่น บาเรน กัมพูชา ลาว และยังเป็นผู้ผลิตแป้งให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ อีก 50 แบรนด์อีกด้วย นอกจากนี้เรายังเป็นเจ้าแรกที่พัฒนาสูตรแป้งรสชาไทยที่ยังคงรสชาติของชาไทยไว้โดยใช้วัตถุดิบจากชาอู่หลงสายพันธุ์ดีมาเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ ยังมีแป้งมันม่วงจากเมืองโอกินาว่านำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และมีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากแฟรนไชส์ซีหลายราย”

 


เมื่อมีการขยายสาขาและมีรูปแบบธุรกิจที่ซับซ้อนเช่นนี้ การวางระบบบริหารธุรกิจแบบมีมาตรฐานอย่างมืออาชีพก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน “คุณมานะ” จึงได้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตร Chain Store Management &Franchise System โดยมี ดร. วิชัย เจริญธรรมานนท์ ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟรนไชส์ และ Chain Store มามากกว่า 30 ปี และมีประสบการณ์ตรงจากการเป็นที่ปรึกษาบริษัทแถวหน้าของเมืองไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงานผ่านการสร้าง “คู่มือธุรกิจ” หรือ “Operation Manual” ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก และจำเป็นต้องใช้และมีประโยชน์อย่างมากในการสร้างมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้แฟรนไชส์ซีนำไปใช้

 


“การที่ได้เข้ามาอบรมเพิ่มทักษะความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ในครั้งนี้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจด้วยการนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาธุรกิจของตนเอง พร้อมทั้งนำเอาแง่คิดจากประสบการณ์ของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มาจากหลากหลายธุรกิจ ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมาผมดำเนินธุรกิจเองทั้งหมดเรียกว่า คนเดียวทำทุกอย่าง ทำให้บางครั้งก็มีบกพร่องในด้านอื่นๆ บ้าง การที่เข้ามาอบรมและเรียนรู้ขั้นตอนการจัดทำ “Operation Manual” นี้ทำให้ผมเรียนรู้ว่ารูปแบบการทำธุรกิจจะต้องวางแผน วางรูปแบบ และวางมาตรฐานที่ชัดเจนเพื่อให้คนที่ซื้อแฟรนไชส์นำไปปฏิบัติ ให้ทุกสาขาทำงานอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งถ้าหากผมไม่ได้เข้าอบรมในครั้งนี้ ผมจะเสียใจอย่างมาก”