โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

ธุรกิจกาแฟแข่งขันสูง และมีความเสี่ยง เราจึงเน้นการเข้าถึงง่าย: ช่อลดา แสงอรุณรักษ์ จากช่อลดาคอฟฟี่

ด้วยร้านกาแฟเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงมาก และแข่งขันกันสูงมากเช่นกัน ครั้งนี้เราจึงขอแนะนำอีกแบรนด์กาแฟมาตรฐานในราคาแฟรนไชส์ที่ย่อมเยา คุ้มค่า และเต็มไปด้วยแนวคิดเรื่องความใส่ใจลูกค้า ไปจนถึงคู่ค้า มาให้เป็นแนวทางเลือกสำหรับตัดสินใจสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นทำร้านกาแฟ แต่ไม่ต้องการลงทุนมาก เพื่อแบกรับความเสี่ยง

คุณช่อลดา แสงอรุณรักษ์ เจ้าของธุรกิจช่อลดาคอฟฟี่ แฟรนไชส์ร้านกาแฟที่เริ่มต้นจากคีออสร้านเล็กๆ ในห้างบิ๊กซีรามคำแหง พร้อมต่อยอดรสชาติกาแฟให้มีความคงเส้นคงวาได้มาตรฐาน และสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม จนปัจจุบันทำธุรกิจมาแล้ว 14 ปี สามารถขยายธุรกิจไปกว่า 1,000 สาขา

จุดแข็งของแบรนด์ช่อลดาคอฟฟี่ คือราคาแฟรนไชส์ที่เข้าถึงง่าย ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม รสชาติกาแฟมีความอร่อยถูกปากคนส่วนใหญ่ผ่านขั้นตอนการชง และวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จได้มากที่สุด มีราคาขายปลีกที่มีความยุติธรรม พร้อมการฝึกอบรมทั้งช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ เรื่องการบริหารจัดการร้าน การใช้เครื่อง และการชงเครื่องดื่มมากกว่า 40 เมนู การันตีคุณภาพด้วยการผ่านมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ ปี 2018 จากกระทรวงพาณิชย์ (Thailand Franchise Stardard Award 2018)

 



ราคาแฟรนไชส์มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ผู้ลงทุนสามารถเปิดร้านกาแฟสดโดยใช้งบเริ่มต้นเพียง 13,900 บาท โดยจะได้รับเครื่องชงกาแฟ เครื่องบด อุปกรณ์ และวัตถุดิบ กว่า 65 รายการ มีเมนูเด่น ได้แก่ กาแฟเอ็กซ์ตร้า เอสเปรสโซ ชาเขียวนม ฯลฯ ถ้าอยู่ในทำเลที่ดี จะใช้เวลาคืนทุนเพียง 1 เดือนเท่านั้น ราคาขายปลีกกาแฟสดอยู่ที่ 30-35 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าวัตถุดิบแล้วจะได้กำไรที่ 50-70% ส่วนสิ่งที่ต้องสั่งกับทางร้านก็ได้แก่ แพ็คเกจจิ้ง เมล็ดกาแฟ ใบชา ผงโก้โก้ และถ้าสั่งซื้อในยอดรายเดือนที่เข้าเงื่อนไข ทางแบรนด์ก็จะมีเครื่องกาแฟสำรองคอยช่วยเหลือลูกค้าทันที เมื่อเครื่องชงกาแฟที่ร้านเกิดมีปัญหาขัดข้อง

 



‘เราใช้วัตถุดิบเกรดดี แต่ไม่ได้ไปบวกกำไรค่าวัตถุดิบเยอะ เพราะเรามองว่าเราต้องทำให้แฟรนไชส์ซีเราอยู่ได้ บวกกับธุรกิจกาแฟตอนนี้แข่งขันกันสูง เรามองว่าใครที่อยากลงทุนทำอะไรในตอนนี้ ไม่ควรเสี่ยงลงทุนสูงมากจนเกินไป เราจึงขายแฟรนไชส์ในราคาที่ไม่สูงมาก พร้อมทำราคาขายปลีกไม่เกินแก้วละ 35 บาท เพื่อผู้บริโภคสามารถเข้าถึงง่าย และคนขายก็ยังมีกำไร’

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราจึงพยายามช่วยแฟรนไชส์ซีด้วยการทำโปรโมชั่นต่างๆ ไปจนถึงบริการจัดส่งวัตถุดิบให้ฟรีในระยะทางที่กำหนด และปรับขายสินค้าเสริมเพื่อเป็นอีกช่องทางช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแฟรนไชส์ซีด้วย

 

 


และด้วยการเติบโตของแบรนด์ ทำให้เราต้องปรับตัวด้วยการเติมความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองตลอดเวลา อย่างการเข้าไปเรียนในหลักสูตร Chain Store Management and Franchis System รุ่นที่ 1 ก็ทำให้สามารถบริหารจัดการร้านให้มีระบบมากขึ้น เนื่องจากหลักสูตรนี้ ได้สอนวิธีการสร้างคู่มือธุรกิจ หรือ Operation Manual ในแบบฉบับของแบรนด์เราเอง จึงช่วยให้เราส่งต่อทำงานที่ชัดเจน และมีมาตรฐาน ให้กับพนักงานและแฟรนไชส์ซีมีทิศทางการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น