โฆษกรัฐบาลเผย โครงการ “คนละครึ่ง” สุดปัง ร้านค้ารายย่อย-หาบเร่ แห่ลงทะเบียนกับรัฐกว่า 2 แสนร้านค้า ภาคกลางมากสุด
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กระทรวงการคลังได้รายงานความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งว่า ตั้งแต่ที่ได้เริ่มให้ร้านค้าเริ่มลงทะเบียนได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมานั้น
ล่าสุด ณ ถึงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีร้านค้าลงทะเบียนทั้งหมดแล้ว 210,010 ร้าน แบ่งเป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนที่สำเร็จแล้ว 152,795 ร้าน โดยส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการตรวจสอบกิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จแบ่งออกเป็นกิจการที่มีหน้าร้านจำนวน 127,852 ร้าน และหาบเร่ แผงลอย จำนวน 24,943 ร้าน ประเภทของร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 90,052 ร้าน ส่วนร้านธงฟ้ามีจำนวน 41,331 ร้าน ร้าน OTOP มีจำนวน 4,991 ร้าน และเป็นร้านค้าทั่วไปจำนวน 16,421ร้าน
หากดูตามภูมิภาค ร้านค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางจำนวน 73,092 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 34.8 รองลงมาอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 73,092 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 25.0 และภาคใต้จำนวน 37,229ร้าน คิดเป็นร้อยละ 17.7 โดยในรายจังหวัดนั้นพบว่า ร้านค้าที่ลงทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครจำนวน 25,526 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 12.2 รองลงมาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 7,105 ร้าน คิดเป็นร้อยละ 3.4 และจังหวัดสงขลาจำนวน 6,516ร้าน คิดเป็นร้อยละ” โฆษกรัฐบาล กล่าว
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com หรือติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยได้ทุกสาขา ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ www.คนละครึ่ง.com เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป และรอรับ SMS ยืนยัน โดยจะเริ่มใช้สิทธิใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 และหากไม่ใช้สิทธิ์ภายใน 14 วัน จะถูกตัดสิทธิ์ทันที
ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งนี้ รัฐบาลจะช่วยจ่าย 50% แต่ไม่เกิน 150 บาท ต่อวัน ต่อคน รวมไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคน ตลอดโครงการ สำหรับประชาชนคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป และบริการต่างๆ โดยไม่รวมถึงสลากกินแบ่งฯ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ