ภาคการเกษตรของประเทศนั้นมีความเข้มแข็งไม่แพ้ชาติใดในภูมิภาคอาเซียน โดยในปัจจุบันต่างมีคนรุ่นใหม่ที่หันมาเดินแนวทางการพัฒนาสำนึกรักบ้านเกิด ผันตัวเองเป็นเกษตรกรยุคดิจิทัล นำกลไกด้านการตลาดมาพลิกโฉมเกษตรกรรมทำให้ธุรกิจบนพื้นฐานของชีวิตวิถีใหม่นำความร่วมมือของคนในชุมชนมาเป็นพลังขับเคลื่อน ดังเช่น ธุรกิจบ่อปลากะพงยักษ์แบรนด์ “บาวผ่องฟาร์ม” และสวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรี ปัจจุบันประสบความสำเร็จจากการเป็นเกษตรอัจฉริยะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดฉะเชิงเทราอีกด้วย
บ่อเลี้ยงปลากะพงยักษ์ระดับประเทศ
นายประโยชน์ โสรัจจกิจ เจ้าของฟาร์มปลากะพงแบรนด์ “ขาวผ่องฟาร์ม” จังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบัน คือบ่อที่เลี้ยงปลากะพงยักษ์มากที่สุดในประเทศไทย
“ผมเคยทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัทของการประปานครหลวง หลังจากนั้นก็ตัดสินใจลาออกมาประกอบธุรกิจครั้งแรกก็มาทำธุรกิจทางด้านขายอาหารกุ้ง แล้วก็มาขายอาหารปลาเมื่อเราขายอาหาร แล้วเราก็เริ่มหัดเลี้ยงกุ้ง ก็ไม่ประสบความสําเร็จเท่าที่ควร จึงเปลี่ยนมาเป็นเลี้ยงปลากะพงยักษ์ แบรนด์ ขาวผ่องฟาร์ม จังหวัดฉะเชิงเทรา”
นายประโยชน์ เปิดเผยว่า สำหรับเทคนิคการเลี้ยง ปลากะพงยักษ์ ต้องมีการจัดการฟาร์มที่ดี บ่อน้ำต้องสะอาด สายพันธุ์ต้องดีในขณะเดียวกันคุณภาพน้ำต้องดีตลอด ซึ่งก็ได้มีหน่วยงานของกรมชลประทานเข้ามาตรวจสอบในเรื่องของการวัดค่าคุณภาพน้ำก่อนที่จะสูบเข้ามาในฟาร์มว่ามีมาตรฐานสำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีหรือไม่ จะช่วยให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและในขณะเดียวกันจะมีการเจาะเลือดเพื่อเอาเลือดออกจากตัวปลา ทางญี่ปุ่นเรียก อิเคะ จิเมะ ทําให้ปลา เก็บรักษาได้นาน โรงงานที่ส่งไปแล่ได้ทั้งมาตรฐาน อย. ได้มาตรฐานของตัวฮาลาล และ HACCP นอกจากนี้ยังได้จ้างคณะประมงที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เขียนโปรแกรม รวบรวมข้อมูลเพื่อจะบริหารดูในเรื่องของการบริหารต้นทุน
“ที่ผ่านมาผมและกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงยักษ์ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เราก็เริ่มพยายามโปรโมท ให้ทุกคนรู้จักปลากะพงยักษ์มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายในประเทศไทยได้ใช้ผลผลิตของสมาชิกมากขึ้น ผมจะบอกเสมอว่าความสุขของการทำธุรกิจของผมคือ ทำแล้วมันต้องไม่เครียดและคนทุกคนที่อยู่ในกระบวนการของผมไม่ว่าจะเป็นการจัดการฟาร์ม กระบวนการฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ทุกคนมีความสุข แล้วอยู่บนพื้นฐานของความไม่เดือดร้อน ผมเชื่อว่า นั้นคือความสุขของผม แล้วก็มองว่าเป็นความสำเร็จ ของทุกคนด้วยเช่นกัน”
มะพร้าวน้ำหอมยุคดิจิทัล
นายศราวุธ พรชัยสิทธิ์ ประธานกลุ่มมะพร้าวแปลงใหญ่ ตำบลบางตลาด จังหวัดฉะเชิงเทรา เล่าว่า “ผมสืบทอดธุรกิจมาจากคุณแม่ครับ ซึ่งก็คือคุณราตรี แต่เดิมเราทำธุรกิจในรูปแบบครัวเรือนนะครับ ต่างคนต่างขาย แต่ว่า 2 ปี ที่ผ่านมา มีการรวมกลุ่มกันเป็นเกษตรมะพร้าวแปลงใหญ่ ตำบลบางตลาด ซึ่งกลุ่มนี้มีสมาชิกประมาณ 40 กว่าคน ครอบคลุมใน 6 หมู่บ้าน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 300 กว่าไร่ หลังจากรวมกลุ่มกันแล้วก็มีการรวบรวมผลผลิตมาขายด้วยกัน ส่วนเรื่องการตลาดก็ได้น้องชายมาดูแลในส่วนนี้ให้
นายวีรวุธ พรชัยสิทธิ์ ผู้จัดการสวนมะพร้าวน้ำหอม คุณราตรี “เดิมทีผมเป็นผู้สื่อข่าว ถึงจุดนึงก็อิ่มตัว ประกอบกับครอบครัวมีธุรกิจสวนมะพร้าว ผมจึงตัดสินใจ มาดูแลเรื่องการตลาดโดยเราวางกลุ่มเป้าหมายแรกก็คือ ห้างสรรพสินค้า หลังจากนั้นก็พัฒนาสินค้าจนเป็น มาตรฐาน GMP ของสวน GMP ของโรงงาน และมาตรฐาน ของห้างที่เราจะเป็นคู่ค้าด้วยตามลำดับ อย่างเช่น TESCO Product Packaging Standard ลูกค้าก็สามารถ สแกน QR Code ซึ่งระบุเลยว่า มะพร้าวนี้ผลิตเมื่อไหร่ และจากสวนไหนมีที่มาอย่างไร เป็นการตรวจสอบย้อนกลับ ของวัตถุดิบครับ”
สำหรับมะพร้าวน้ำหอม คือหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา นายศราวุธ ยอมรับว่ามะพร้าว น้ำหอมจะมีคุณภาพดีต้องอยู่ที่น้ำ น้ำต้องถึง น้ำต้องดี น้ำต้องมีคุณภาพ ซึ่งทางชลประทานเองก็มีส่วนเข้าไป ช่วยพัฒนาในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
นายศราวุธ เปิดเผยว่า “เมื่อน้องชายมีหน้าที่ดูแลในเรื่องการตลาด ดังนั้นผมจึงรับหน้าที่ดูแลสวน ดูแลเรื่องของการจัดการน้ำ โดยได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่เกษตรและเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ปัจจุบันกำลังศึกษาตั้งแต่การลงพื้นที่เพื่อดูความเป็นไปได้ เรื่องการกักเก็บน้ำ นำน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาเก็บไว้ในคลอง โดยเมื่อโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ เกษตรกรสวนมะพร้าวก็จะมีน้ำใช้กันในช่วงฤดูแล้ง และจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรในวงกว้าง”
จากความสำเร็จของ “ขาวผ่องฟาร์ม” และ “มะพร้าว น้ำหอมคุณราตรี” จะพบว่า ความยั่งยืนบนพื้นฐานการทำเกษตรกรรม ก็ต้องอาศัยปัจจัยด้านความร่วมมือ ร่วมใจกันของคนในชุมชนให้ได้เสียก่อน หาจุดที่สามารถพัฒนาร่วมกัน เมื่อทุกคนอยู่ได้ทุกคนมีความสุข เมื่อมีความมั่นคง ได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ความยั่งยืนที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้นในชุมชนนั้น อย่างแน่นอน