โอกาสของคนตัวเล็ก

  • ติดต่อเรา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อโฆษณา
Responsive image

เปิด “เพจ” อย่างไรให้ยอดขายทะลุเป้า ในยุค facebook ปิดกันการมองเห็น

Facebook เป็นหนึ่งในช่องทางโอกาสของ พ่อค้า แม่ค้า ในปัจจุบันเหมือนจะเป็นช่องทางหลักทางธุรกิจไปแล้วก็ว่าได้ ซึ่งการ facebook page ทำง่ายใช่เวลาไม่กี่นาทีแถมไม่มีค่าใช้จ่าย แต่การสร้างยอดขายนั้นต้องอาศัยกลยุทธ์ และเทคนิคต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาแนะนำเทคนิคดีๆ ไปลองทำตามกันดู มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง

1.ตั้งชื่อเพจให้โดนคนจะจำได้

“ชื่อเพจ” ถือเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนจะเห็นและสามารถดึงดูดความน่าสนใจได้ ดังนั้นเราควรตั้งชื่อเพจให้น่าสนใจจำง่าย โดยวิธีการดังนี้

  • ค้นหาง่าย ฃื่อเพจควรจะใช้ภาษาที่สามารถค้นหาได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้อักขระพิเศษโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาเพจเราได้ง่ายและเร็วที่สุด
  • ไม่ใช้ชื่อซ้ำเพจอื่น พยายามหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อที่มีเพจอื่นใช้อยู่แล้ว เพราะอาจะทำให้ลูกค้าสับสนได้ เพราะไม่รู้ว่าชื่อไหนเป็นของเรากันแน่
  • ชื่อเพจควรสื่อถึง ธุรกิจ สินค้า บริการ ลูกค้าส่วนใหญ่เวลาจะซื้อสินค้าออนไลน์ซักชิ้นมักจะเริ่มจากการค้นหา Keyword สินค้านั้นๆ ดังนั้นการมี Keyword ที่เป็น ธุรกิจ สินค้า บริการ อยู่ในชื่อเพจด้วยจะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

2.ทำ Cover Page ให้น่าสนใจ

Cover Page ก็เป็นอีกส่วนสำคัญไม่แพ้ชื่อเพจเหมือนเป็นหน้าร้าน ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูน่าสนใจโดยมีข้อมูลครบถ้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้

  • บอกตัวตน ธุรกิจ สินค้า บริการ บน Cover Page ซึ่งอาจจะต้องอาศัยฝีมือทางด้านกราฟฟิคเข้าช่วยในการออกแบบให้สื่อถึงตัวตนได้มากที่สุด
  • สร้างภาพ Cover Page เป็นคอลเลคชั่น ธุรกิจ สินค้า บริการ ควรออกแบบให้ดูสวยงามน่ามองใครใช้ภาพสวย ๆ เมื่อลูกค้าเห็นแล้วอยากซื้อสินค้าทันที
  • มีช่องทางการติดต่อให้ครบถ้วน การระบุช่องทางการติดต่อไว้ ก็จะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น 
  • ใช้ Cover Page แจ้งข้าวสาร กิจกรรม โปรโมชั่น กิจกรรมดี ๆ ที่อยากบอกต่อให้กับลูกค้า สามารถนำมาทำเป็นภาพ cover ได้ทันที ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี
  • ใช้ Cover Page แบบ VDO การนำเสนอคอนเทนต์เป็นรูปแบบของ VDO จะช่วยสร้างความน่าสนใจได้ดีกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องราวของสินค้า หรือความเป็นมาของแบรนด์ ซึ่งวิดีโอที่จะนำมาตั้งเป็น cover page นั้นต้องมีขนาด 820*462 pixels และต้องมีความยาว 20-90 วินาที

3.นำเสนอคอนเทนต์ให้ดูน่าสนใจ

ในตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงจะทำอย่างไรให้ลูกค้าหันมาให้ความสนใจร้านเรา ? Content Marketing เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ การทำเนื้อหาที่น่าสนใจสามารถช่วยให้เกิดการรบรู้และการติดตาม ซึ่งคอนเทนต์สามารถถ่ายทอดออกมาได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น บทความ รูปภาพ วีดีโอ ถ่ายทอดสด ซึ่ง พ่อค้า แม่ค้า ควรนำเสนอจุดเด่นของสินค้าที่ขายออกมาให้ดูน่าสนใจให้มากที่สุด

นอกจากนี้การเล่นกับ “กระแส” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเรียกความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี โดยวิธีการอาจจะทำคอนเทนต์ที่ล้อไปกับกระแสข่าวดังต่างๆ โดยเชื่อมโยงให้เข้ากับ ธุรกิจ สินค้า บริการ ของเรา นั่นจะช่วยให้เกิดการเป็นที่รู้จักจนไปถึงการตัดสินใจซื้อได้เช่นกัน

4.กำหนดช่วงเวลาโพสเพิ่มยอด

หลายครั้งมักมีคำถามว่าทำไมโพสไปแล้ว Reach และ Engagement น้อยเสียเหลือเกิน ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ คือ การเสียเงิน Boot โพสต์ นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่ผิด แต่ยังมีอีกวิธีที่อยากให้ลองทำก่อนที่จะเสียเงิน ลองปรับช่วงเวลาในการโพสต์ขายสินค้าให้ตรงกับช่วงเวลาที่ลูกค้าที่ติดตามเพจออนไลน์อยู่มากที่สุด จะเป็นวิธีโพสต์ขายของให้คนเห็นเยอะที่สุด เราสาสามารถเช็คช่วงเวลาที่ลูกค้าของร้านออนไลน์มากที่สุดได้ง่าย ๆ โดยวิธีต่อไปนี้

  • ไปที่เมนู ข้อมูลเชิงลึก
  • เลือกหัวข้อ โพสต์
  • เมื่อเข้าไปแล้วจะพบกับกราฟแสดงช่วงเวลาที่ผู้ติดตามเพจของเราออนไลน์มากที่สุดในแต่ละวัน โดยร้านค้าสามารถนำข้อมูลเชิงลึกตรงนี้ไปปรับใช้กับการโพสต์ขายของ

5.โพสต์ขายสินค้าตามกลุ่ม facebook

อีกหนึ่งช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มคนที่มีความชอบ ความสนใจในเรื่องเดียวกัน กลุ่ม Facebook ช่วยให้เราหากลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าหมาย แบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา สิ่งที่ควรระวังคือ ข้อปฏิบัติตามกฎของแต่ละกลุ่ม ท่ามกลางการโพสต์ขายของจำนวนมากในกลุ่ม โพสต์ที่มีรูปภาพสวยงาม มักจะดึงดูดลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็น ใส่ข้อมูลที่น่าสนใจ แปะราคาชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

6.ขายบน Facebook Marketplace

อีกหนึ่งช่องทางที่สามารถขายได้แบบฟรีๆ คือ Facebook Marketplace ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวนมาก โดยสามารถโพสต์ขายสินค้าโดยไม่จำเป็นต้องมี facebook page ก็ได้ นอกจากนี้ใน Facebook Marketplace ยังมีฟังก์ชั่นตัวกรองค้นหาสินค้า เช่น ประเภทสินค้า ราคาขั้นต่ำ-สูงสุด ตำแหน่งที่อยู่ใกล้ผู้ซื้อ

7.ถาม – ตอบ ให้ไว ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

ลองนึกว่าเราเป็นผู้ซื้อที่สนใจสินค้านั้น ๆ และอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า การได้รับคำตอบในทันทีก็จะช่วยให้เราตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเจ้าของร้านเองควรให้ความสำคัญกับจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ หรือ คอมเม้นต์ ก็ตามหากปล่อยให้ลูกค้ารอนานอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าร้านอื่นได้ เพราะการที่ลูกค้าทักเข้ามา แสดงว่ามีความสนใจในตัวสินค้าหรือบริการอยู่ระดับหนึ่งแล้ว และนี่คือโอกาสเหมาะที่จะปิดการขาย อาจใช้ Facebook Chatbot เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการโต้ตอบได้

8.เพิ่มยอดขายจากการทำ Remarketing

วิธีเพิ่มยอดขาย facebook หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คุ้นเคยกับเพจของเรา กลุ่มคนที่เคยเห็นสินค้าของเรา กลุ่มคนที่มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าเรา เช่น ทักมาแต่ยังไม่ซื้อ วิธีนี้เป็นการตอกย้ำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโพสต์สินค้าของเพจบ่อยๆ เพิ่มโอกาสที่จะหยุดดู และอาจตัดสินใจซื้อสินค้าได้ในที่สุด

ในโลกออนไลน์มีผู้คนที่อยู่ในนั้นมากมายหากเราสามารถเจากลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกวิธีก็จากสามารถเพิ่มยอดขายได้มหาศาล ถึงแม้เครื่องมือหลักอย่าง facebook ถูกปิดกันการมองเห็นก็ยังมีวิธีที่จะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากการสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักมากกว่าการรอให้ผู้ใช้ทั่วไปเลื่อนผ่านมาเจอ