ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

11 เทคนิค การใช้ “บัตรเครดิต” ให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด แบบไม่เป็นหนี้


รู้หรือไม่ว่า “บัตรเครดิต” ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีสารพัดข้อดีอยู่ถ้ารู้จักใช้ แต่เมื่อใดที่ใช้อย่างประมาท ขาดสติ ไม่มีความรู้ เมื่อนั้นก็จะกลายเป็นหนี้ก้อนโตที่ไม่รู้จักจบสิ้น วันนี้ ชี้ช่องรวย จะมาแนะเทคนิคการใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่าที่สุด มาให้ได้นำไปทำตามมาดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง

1.เข้าใจเงื่อนไขก่อนใช้บัตรเครดิต

แน่นอนว่าแต่ละสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงิน ย่อมมีเงื่อนไขข้อตกลงในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะยืนยันการใช้งาน ก็ควรศึกษารายละเอียดทั้งข้อดีและข้อเสียให้รอบคอบ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้

2.สมัครบัตรเครดิตช่วงโปรโมชั่นคือดี

มีหลายบัตรที่สมัครแล้วได้ของแถมที่ชอบ เช่น บัตรที่ร่วมรายการกับสายการบินต่างๆ ก็จะมีของแถมเป็นบัตรโดยสารทั้งเดินทางในประเทศและต่างประเทศ หรือบัตรเครดิตที่ร่วมรายการกับโรงแรม ก็จะมีของแถมเป็น Gift Voucher ที่พักฟรี หรือของแถมทั่วไป เช่น กระเป๋าเดินทาง เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสมัครบัตรเสริมให้คนในครอบครัว ก็จะมีของแถมให้ ดังนั้นก่อนสมัครควรถามก่อนว่ามีของแถมให้หรือไม่ และบัตรเครดิตมักจะกำหนดว่าต้องใช้จ่ายเท่าไหร่ ภายในกี่เดือน จึงจะได้ของแถม ดังนั้นควรสมัครตอนที่เรามีความจำเป็นต้องใช้จ่าย จะได้ไม่เอาบัตรไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในสิ่งที่ไม่จำเป็น

3.เลือกสมัครบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี

เวลาสมัครบัตรเครดิต ในใบสมัครจะระบุไว้ว่ามีค่ารายปีหรือไม่ หรือบางบัตร ถ้ามีค่าใช้จ่าย เขาจะระบุไว้ชัดเจน หรือต้องมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำเท่าไหร่ หรือใช้จ่ายขั้นต่ำกี่ครั้ง แต่เงื่อนไขเหล่านี้ไม่ต้องซีเรียส เพราะเวลามีบิลเรียกเก็บมาที่บ้าน เราสามารถโทรไปขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีกับ Call Center

4.วางแผนซื้อสินค้าเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด

บัตรเครดิตโดยทั่วไป ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้รูดซื้อสินค้าประเภทต่าง ๆ โดยแต่ละบัตรเครดิตก็จะมาพร้อมสิทธิพิเศษเฉพาะตามประเภทบัตร อาทิ รับเครดิตเงินคืน ส่วนลด หรือแลกคะแนนสะสม ฯลฯ เป็นต้น ดังนั้นหากเลือกใช้บัตรเครดิตที่ตรงกับความต้องการของการใช้งาน ก็จะสามารถทำให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้สิทธิพิเศษที่ผูกมากับบัตรเครดิตได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด

5.ใช้สิทธิพิเศษของบัตรให้เป็นประโยชน์

ข้อดีของการใช้เครดิตที่แตกต่างจากการใช้เงินสด คือ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ “เงินสดให้ไม่ได้” ซึ่งการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้จะตามมาอัตโนมัติ โดยบัตรเครดิตแต่ละธนาคาร หรือบัตรแต่ละประเภทย่อมให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิต ลองเลือกบัตรที่มีคุณสมบัติที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากที่สุด เช่น สายช้อปปิ้ง เลือกบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ร่วมกับร้านรีเทล ศูนย์การค้า หรือร้านที่ใช้บริการเป็นประจำ เป็นต้น

6.เก็บวงเงินใช้จ่าย สำหรับเกิดเหตุกรณีฉุกเฉิน

บัตรเครดิตและสินเชื่อ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มาช่วยอำนวยความสะดวกสบายในเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดเหตุกรณีฉุกเฉินในชีวิต เพราะจะมีประโยชน์หากไม่มีเงินสดติดตัว ดังนั้นควรเก็บวงเงินของบัตรเอาไว้สำหรับรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว

7.วางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน

การมีบัตรเครดิตหรือสินเชื่อ อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความเพลิดเพลินในการใช้จ่ายได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคตที่มาจากการใช้จ่ายที่ไม่ระมัดระวัง จึงควรกำหนดการใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้มีความเหมาะสม

8.อย่าชำระขั้นต่ำ เป็นไปได้จ่ายเต็มจำนวน

ไม่ว่าจะช้อปปิ้งด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสด ผู้ใช้ควรมีความระวัดระวังในการใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะหากไม่มีความระมัดระวังในการใช้จ่าย และในอนาคตไม่มีความสามารถในการชำระคืนหรือไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้ ก็จะทำให้เกิดปัญหาทางการเงินได้นั่นเอง

9.ทำความเข้าใจ “ใบแจ้งหนี้”

เอกสารแจ้งหนี้ หรือใบแจ้งหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม และไม่ยอมศึกษาอย่างละเอียด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียดทั้งวันที่สรุปยอด วันครบกำหนดชำระ โดยเฉพาะช่วงที่มีการผ่อนจ่าย ที่อาจมีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากไม่ตรวจสอบและทำความเข้าใจการคิดอัตราดอกเบี้ย หรือรอบการจ่ายในแต่ละเดือนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด จนนำไปสู่การวางแผนชำระหนี้ผิด อาจส่งผลกระทบด้านการเงินอื่นๆ ที่ตามมาได้

10.จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน

จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน การจ่ายเงินคืนบัตรเครดิตตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดทันทีที่สรุปยอดบิล หรือจ่ายก่อนวันครบกำหนดชำระ นอกจากเราจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยที่ไม่ควรเสียแล้ว การจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนดยังช่วยรักษาสถานะลูกหนี้ชั้นดี ที่อาจส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตด้วย

11.เก็บสลิปทุกครั้ง

หากมีการใช้บัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายใด ๆ ก็ตาม ควรเก็บสลิปไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง เนื่องจากหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สลิปดังกล่าวจะเป็นหลักฐานยืนยันไปยังต้นทางผู้ออกสลิป เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องได้