สัปดาห์นี้ ชี้ช่องรวยช่วยท่องเที่ยว พาตะลุยจังหวัดสระบุรี ไปแวะทาน “ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง” ได้ยินแค่ชื่อก็เด็ดแล้ว แต่รับรองเลยว่ารสชาติก็เด็ดไม่แพ้กัน จนสามารถขยายธุรกิจสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ส่งต่อความอร่อยไก่หมุนเมียน้อย และยังพาแวะเช็คอิน 10 จุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อในจังหวัดสระบุรี ที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี
แฟรนไชส์ “ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง” เจ้าของ คือ คุณไพรินทร์ มีศรี (คุณมด) เล่าถึงจุดเริ่มต้นของร้านไก่ย่างว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ส่วนสามีเปิดร้านขายไก่ย่างอยู่ก่อนแล้ว (ร้านรุ่งโรจน์ ไก่ย่าง) ตนจึงได้ลาออกมาช่วยกันทำร้านไก่ย่าง โดยเปลี่ยนชื่อร้านเป็น ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง ที่มาของชื่อนี้ คือ เป็นคำที่เพื่อนฝูงใช้แซวตนจึงเกิดเป็นไอเดียนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์
สำหรับร้านไก่ย่างเปิดมาแล้วเป็นระยะเวลา 8 ปี ด้วยความพิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการคัดไก่ที่จะต้องสดใหม่และขนาดเท่ากันทุกตัว ในส่วนของการหมักเครื่องหมักต้องครบเครื่องเข้าถึงรสชาติ ซึ่งจะต้องหมักทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนจะนำมาย่างขาย
ซึ่งจะได้รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็ม ไม่หวานเกินไป หรือมีกลิ่นของเครื่องเทศโดดขึ้นมา ในส่วนของยอดขายต่อวันในวันธรรมดาจะอยู่ที่วันละ 30 – 40 ตัว วันเสาร์ – อาทิตย์ จะอยู่ที่ 60 – 100 ตัว ขึ้นไป
ปัจจุบันขยายธุรกิจไปในรูปแบบของแฟรนไชส์เพราะมีคนสนใจติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยขยายสาขาไปแล้วเกือบ 10 สาขา สำหรับรูปแบบของแฟรนไชส์จะไม่ได้ขายสูตร แต่จะขายไก่เป็นตัวที่หมักแล้ว และน้ำจิ้มอีก 2 แบบ คือ น้ำจิ้มมะขาม และน้ำจิ้มซีฟู้ดในส่วนของราคาแฟรนไชส์อยู่ที่ 25,000 บาท
สิ่งที่จะได้รับ คือ ตู้ย่างไก่, เหล็กเสียบไก่ และอุปกรณ์ครบชุด นอกจากนี้ยังมีการสอนวิธีการย่าง ตั้งแต่การเก็บรักษา การเสียบไก่เพื่อย่าง สอนกันทุกขั้นตอนแบบไม่มีกั๊ก ส่วนราคาไก่ที่ขายส่งให้กับแฟรนไชส์อยู่ที่ตัวละ 115 บาท สามารถนำไปขายได้ในราคา 150 – 160 บาท ต่อตัว
สำหรับคนที่สนใจธุรกิจแฟรนไชส์ “ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง” สามารถติดต่อได้ที่ facebook : ไก่หมุนเมียน้อย ซิ่งสาขา1 หนองแค สระบุรี หรือ โทร.08-0664-0679, 09-4924-6329
เพื่อนๆ ท่านไหนมีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดสระบุรี อย่าพลาดที่จะไปแวะชิม “ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง” ร้านตั้งอยู่ที่ เรียบคลองระพีพัฒน์ เยื้องกับเทศบาลหนองแค จังหวัดสระบุรี ร้านเปิด วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 14.00 น. หยุดทุกวันจันทร์
อิ่มอร่อยกับร้าน “ไก่หมุนเมียน้อยซิ่ง” กันแล้วไปขอพรกันต่อที่ “วัดมงคลทีปาราม หรือ วัดเกาะลอย” แวะกราบสักการะขอพร ‘หลวงพ่อดำ’ อันเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก สามารถขอโชคลาภหรือบนบานขอสิ่งที่ตนปรารถนา อยากจะได้ก็ได้ตามที่ต้องการ
และพาไปเช็คอินเที่ยวกันต่อที่ “วัดพระพุทธแสงธรรม” ชมโดมขนาดใหญ่ยักษ์ หรือ มหาวิหารทรงบาตรคว่ำ ที่มีความสูง 50 เมตร และกว้างกว่า 90 เมตร ครอบองค์พระพุทธรูปปางปฐมเทศเอาไว้ ยิ่งใหญ่อลังการ และยังมี อุโบสถไม้แดง ที่ประดับด้วยโคมไฟต่างๆ ภายในมีพระประธานองค์พุทธปฏิมากรสีขาว พระยืนปางห้ามสมุทรอยู่ด้านซ้าย และปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อยู่ด้านขวา เป็นองค์สีขาวล้วนดูสวยงามและสะอาดตา
ไปกันต่อที่ “ตลาดโรงคั่ว บ้านไร่กาแฟ” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเช็คอินสุดชิค สถานที่ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียว ภายในมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ สินค้าโอท๊อปของชาวบ้าน รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์บ้านใร่กาแฟ ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของเก่าโบราณที่หาชมได้ยาก และที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ สไตล์วินเทจกับมุมจัดแสดงต่างๆ ให้เดินชมเหมือนย้อนกลับไปในอดีต
เดินเล่นย้อนวันวานกันเสร็จแล้วไปต่อกันที่ “วัดพระพุทธฉาย” อยู่ภายในมณฑปสองยอดบนไหล่ภูเขา เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธฉาย (เงาพระพุทธเจ้า) บริเวณวัดพระพุทธฉาย มีลักษณะคล้าย พระพุทธรูปยืน นอกจากนี้ยังมีรอยพระพุทธบาท ให้กราบสักการะขอพรกันอีกด้วย ขอพรกันเสร็จเรียบร้อยไปเดินเล่นกันต่อที่ “ตลาดหัวปลี” ตลาดชุมชนเกษตรในบรรยากาศ ด้านในตกแต่งน่ารักมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ภายในตลาดเย็นสบาย ร่มรื่นด้วยต้นไม้ สวนไผ่ และนาบัว อีกทั้งยังมีสินค้า OTOP ให้เลือกซื้อจำนวนมาก ทั้งของกิน ของใช้ ผักพื้นบ้าน และผักปลอดสารพิษ เป็นต้น
ช้อปปิ้งกันแล้วเดินทางไปกันต่อที่ “วัดป่าสว่างบุญ” กราบสักการะพระมหาเจดีย์ 500 ยอด ชื่อเต็มว่า “พระมหารัตนโลหะเจดีย์ศรีศาสนโพธิสัตว์สว่างบุญ” มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริวาร 500 องค์ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีองค์เจดีย์องค์เล็กตั้งลดหลั่นกันลงมาอยู่รอบ ๆ ทิศ ตัวองค์เจดีย์เป็นปูนปั้นรูปแบบ สวยงามประณีตเคลือบสีทองทั้งหมดทุกองค์ ผนังด้านในของเจดีย์องค์ประธานประดับกระจกทับทิม โดยรอบสวยงาม มีภาพพระธาตุเจดีย์สำคัญ ๆ ทั่วประเทศไทยประดับไว้ด้านบนภายในองค์เจดีย์
ชมความงามของ พระมหาเจดีย์ 500 ยอด กันเสร็จแล้ว ก็ไปพักผ่อนสูดโอโซนที่ “Sir James Lodge Hotel” รีสอร์ทบรรยากาศแสนผ่อนคลายพร้อมวิวภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองที่เขียวขจี ห้องพักท่ามกลางธรรมชาติ และทิวทัศน์อันสวยงามที่จะให้คุณได้พักผ่อนรับโอโซนแบบเต็มปอด เติมพลังพักผ่อนเต็มที่แล้วไปเที่ยวธรรมชาติกันต่อที่ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย” เล่นน้ำกันให้ชุ่มปอดพร้อมชมธรรมชาติป่าไม้โดยรอบ
ไปต่อกันที่ “ชุมชนหนองย่างเสือ” แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสระบุรี ศึกษาหาความรู้ด้านการเกษตรและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับชาวชุมชนหนองย่างเสือ และเลือกซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพจากเกษตรกรโดยตรง ทำกิจกรรมซื้อสินค้าทางการเกษตร
ขากลับแวะเที่ยวที่ ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค ที่ภายในฟาร์มอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งนั่งรถไฟ ดื่มนม ชมฟาร์ม รีดนมและป้อนนม ชมการแสดงคาวบอย ใครที่เป็นแฟนนมวัวแดงคงจะถูกอกถูกใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะได้สนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆแล้ว ยังมีเมนูนมทั้งหลายพร้อมเสิร์ฟ ให้เลือกทานและซื้อกลับบ้านกันอีกด้วย
“สระบุรี” ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายใกล้ชิดธรรมชาติ และยังมีของอร่อยให้เลือกทานมากมายใครมีโอกาสได้แวะไปอย่าลืมตามลอย 10 จุดเช็คอิน กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง ตามที่ ชี้ช่องรวยช่วยท่องเที่ยวแนะนำกันไว้ด้วยนะ”