ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

สะเต๊ะยิ้มสยาม แฟรนไชส์อาหารรสเลิศ พร้อมนวัตกรรมช่วยให้ขายง่าย


พาไปพบกับธุรกิจแฟรนไชส์อาหารรสเลิศ สร้างสรรค์เมนูได้อย่างแตกต่าง พร้อมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถทำธุรกิจต่อได้ง่ายขึ้น กับเงินทุนเพียงหลักพัน กำไรต่อเมนูสูงถึง 70% อย่างแบรนด์ สะเต๊ะยิ้มสยาม

 

คุณพิธาน อิมราพร เจ้าของธุรกิจ สะเต๊ะยิ้มสยาม เล่าว่า ในอดีตตนเองเปิดบริษัทออแกไนซ์เซอร์มากว่า 20 ปี ทำให้มีประสบการณ์มากมาย ทั้งด้านการบริหารจัดการ การออกแบบ การตลาด เมื่อทำไปสักระยะรู้สึกว่าธุรกิจนี้มีคู่แข่งมากขึ้น จึงหันมาทำธุรกิจแฟรนไชส์ และพัฒนาจนได้เป็นแบรนด์ สะเต๊ะยิ้มสยาม เนื่องจากมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มาแล้ว พร้อมกับได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรแฟรนไชส์มาตรฐานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รุ่นที่ 12 ปัจจุบันสะเต๊ะยิ้มสยามก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 กับแฟรนไชส์ 43 สาขา

สะเต๊ะยิ้มสยาม เกิดจากการมองเห็นข้อจำกัดมากมายของธุรกิจหมูสะเต๊ะตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงงานการเสียบไม้หมูสะเต๊ะ สูตรการหมักหมู น้ำจิ้ม น้ำอาจาด จึงเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมให้การทำธุรกิจหมูสะเต๊ะทำได้ง่ายขึ้น ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เช่น ผงหมัก ผงข้าวขมิ้น พริกแกงมัสมั่น พริกแกงกะหรี่ กะทิผง น้ำจิ้มสะเต๊ะ จะมาในถุงสำเร็จรูป ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อเครื่องเทศมากมายมาผสมสูตรใหม่ ทำให้ได้รสชาติอร่อยคงเส้นคงวา จัดส่งง่าย และมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ทั้งยังไม่ต้องไปนั่งเสียบไม้ให้ต้นทุนเพิ่มและเสียเวลา โดยช่วยลดขยะไปแล้วกว่า 3 ล้านไม้

สำหรับเมนูเด็ดที่ลูกค้าชื่นชอบ คงหนีไม่พ้นเมนูหมูสะเต๊ะที่มีความนุ่มกำลังดี ไม่แห้งไม่แข็งจนเกินไป บวกกับน้ำจิ้มรสอร่อย นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเมนูอาหารที่มากกว่าร้านหมูสะเต๊ะทั่ว ๆ ไป ให้แฟรนไชส์ซีมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเนื้อสัตว์ประเภทต่าง ๆ มาทำสะเต๊ะ และยังมีเมนูพิเศษ เช่น ข้าวขมิ้น สลัด โรตีทอดกรอบ แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น พิซซ่าหมูสะเต๊ะ เบอริโต้ และอีกทั้งหมดกว่า 50 เมนู ซึ่งถือเป็นความแตกต่างที่หารับประทานไม่ได้จากแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะทั่ว ๆ ไป

ด้านการลงทุน ขณะนี้ทางแบรนด์ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ที่มีเงินทุนน้อยให้สามารถทำธุรกิจได้ง่าย ๆ ในงบลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท (ค่าธรรมเนียมจ่ายรายปี) ซึ่งเป็นการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อเปิดร้านอาหารรูปแบบฟู้ดเดลิเวอรี่จากที่บ้าน โดยจะสอนเมนูเด็ดของทางร้านให้กว่า 6 เมนู อาทิ หมูสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะ ข้าวขมิ้นหมู/ไก่ และมาม่าหมู/ไก่ การออกแพ็คเกจนี้ขึ้นมา เนื่องจากต้องการลดภาระค่าคีออส อุปกรณ์ และค่าเช่าที่ ผู้ลงทุนจะต้องสั่งซื้อเพียงวัตถุดิบต่าง ๆ ในราคาหลักร้อยเพียงเท่านั้น ส่วนกำไรต่อเมนูหากลูกค้ามาซื้อปลีกที่หน้าร้านจะอยู่ที่ 60-70 % ส่วนการขายผ่านเดลิเวอรี่จะอยู่ที่ 30 %

 

หากใครที่ต้องการความหลากหลายของเมนูมากขึ้น สามารถเลือกลงทุน 15,000 บาท (ค่าธรรมเนียมจ่ายรายปี) กับจำนวน 12 เมนู เพิ่มเมนู โรตี ผักสลัด พิซซ่าหน้าหมู/ไก่ เบอร์ริโต้หมู/ไก่ และลงทุน 20,000 บาท (ค่าธรรมเนียมจ่ายรายปี) กับจำนวน 15 เมนู เพิ่มเมนู แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น และสะเต๊ะน่องไก่ หรือเลือกซื้อเพิ่มเมนูละ 3,000 บาท แต่หากต้องการลงทุนโครงสร้างหน้าร้าน ค่าธรรมเนียมรายปีจะอยู่ที่ 200,000 บาท ไม่รวมค่าอุปกรณ์และค่าตกแต่ง

 

จุดเด่นของสะเต๊ะยิ้มสยามมี 3 เรื่องหลัก คือ 1. เมนูไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน ไม่มีคู่แข่งขัน 2. เรียนรู้ง่าย ลอกเลียนแบบยาก อัตราผลตอบแทนคุ้มค่า 3. ลงทุนร้านอาหาร ต้นทุนต่ำ มีทุนน้อยก็ทำได้ สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ อันดับแรกต้องมองตัวเองให้ออกว่าเราชอบธุรกิจแบบไหน แล้วต้องมีใจรัก อย่าทำแบบฉาบฉวย โดยเฉพาะการเลือกซื้อแฟรนไชส์อาหาร แบรนด์นั้นต้องขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย มาพร้อมกับมาตรฐาน และผลตอบแทนคุ้มค่า

 

 

ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ แต่ยังไม่มีเงินทุน หรือใครที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน ตอนนี้ทางธนาคารออมสิน ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มาเริ่มต้นธุรกิจกับแบรนด์สะเต๊ะยิ้มสยามได้ โดยสามารถติดต่อขอสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ สแกน QR CODE เพื่อลงทะเบียนสมัครแฟรนไชส์ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 100,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันอีกด้วย ทางเราก็ต้องขอขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่สนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพ มีรายได้