สถานการณ์แบบนี้ ถ้าพูดถึงธุรกิจร้านอาหาร คงไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าการทำฟู้ดเดลิเวอรี่อีกแล้ว เนื่องจากตอบโจทย์ความปลอดภัย และการใช้ชีวิต แต่จะทำธุรกิจนี้ยังไงให้เติบโต ครั้งนี้เรามีไอเดียดี ๆ ที่สามารถใช้เงินทุนเริ่มต้นหลักร้อย ก็สามารถเปลี่ยนครัวหลังบ้านให้เป็นธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ได้อย่างง่ายดาย
คุณสัจจา วสุวัต เจ้าของธุรกิจซอสกะเพราหมีปรุง เล่าว่า ก่อนโควิดเริ่มต้นระบาดหนักช่วงต้นปี 2563 ตนเองได้ทำธุรกิจร้านสเต็กมาก่อน แต่ต้องปิดร้านอาหารไป เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องมองหาธุรกิจใหม่ ๆ จึงนำภาพผัดกะเพราซึ่งเป็นหนึ่งเมนูในร้าน ที่เคยจ้างทีมงานมืออาชีพมาถ่ายสวย ๆ ไว้ให้ ลองนำไปโพสต์ในแอป LINE MAN
ขณะเดียวกันก็ได้เปิดบ้านเป็นครัว ไม่รับลูกค้าหน้าร้าน และลดจำนวนเมนูลงให้เหลือเฉพาะเมนูกะเพราหมู-เนื้อ-ไก่ พร้อมชูจุดขายด้วยการเป็นเมนูกะเพราสูตรโบราณ ใช้พริกแห้ง แล้วผัดแห้ง ๆ แบบไร้น้ำมัน ขายราคากล่องละ 69 บาท โดยเดือนแรกสามารถทำยอดขายผ่านเดลิเวอรี่ได้ถึง 50,000 บาท จึงพัฒนาต่อยอดเป็นซอสกะเพราสำเร็จรูป เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยให้คุณแม่ทดลองทำ แล้วได้รสชาติออกมาเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกจาน เลยคิดว่าถ้าแม่เรายังทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้
ช่วงแรกเริ่มขาย ‘ซอสกะเพราหมีปรุง’ ผ่านช่องทางออนไลน์ มีคนสนใจสั่งซื้อจำนวนมาก ทำให้ผลิตเองไม่ทัน เพราะต้องขายทั้งผัดกะเพราและผลิตซอสกะเพราแบบโฮมเมดไปพร้อมกัน ต่อมาจึงเลือกส่งต่อร้านข้าวกะเพราเดลิเวอรี่ให้เพื่อนบ้าน แล้วหันมาลงมือทำธุรกิจผลิตซอสกะเพราเพียงธุรกิจเดียว พร้อมให้โรงงานที่ได้มาตรฐานการส่งออกช่วยทำ OEM ให้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐาน อย. GMP มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 นอกจากการขายซอสแล้ว ยังให้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ร้านค้าที่ซื้อซอสกะเพราหมีปรุงไป สามารถต่อยอดธุรกิจร้านกะเพราเดลิเวอรี่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความพิเศษของซอสกะเพราหมีปรุง คือเป็นสูตรกะเพราพริกแห้งแบบโบราณที่หากินค่อนข้างยาก ผู้ซื้อซอสไปจึงไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม และไม่ต้องตำพริก กระเทียม เพราะแต่ละถุงจะยังมี Texture ให้เห็นให้เคี้ยวเจอ เหมือนกับการกินแบบปรุงสด ๆ โดยไม่รู้เลยว่าแต่ละจานจะทำมาจากซอสสำเร็จรูป ทั้งยังพัฒนามาให้ได้รสชาติความเป็นกลางของกะเพราที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบ ที่สำคัญคือการช่วยต่อยอดในการสร้างอาชีพ ใครซื้อซอสกะเพราหมีปรุงในราคาเริ่มต้นถุงละ 169 บาท เราจะมอบเครื่องมือช่วยเปิดร้านได้ง่ายขึ้น เช่น ภาพถ่ายเมนูสวย ๆ เทคนิคการทำฟู้ดเดลิเวอรี่ให้เติบโต ฯลฯ โดยราคานี้ผู้ซื้อจะได้รับซอสปริมาณ 1 กิโลกรัม สามารถทำได้ 35 จาน คิดเป็นต้นทุนจานละ 5 บาท นอกจากนี้ยังพัฒนาซอสปรุงรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นซอสผัดไทโบราณ ซอสหมูกระเทียม
ปัจจุบันซอสกะเพราหมีปรุง มีฐานลูกค้าประจำเป็นร้านอาหารอยู่ทั่วประเทศกว่าหลักร้อยราย รวมยอดขายซอสสูงถึง 10 ตันต่อเดือน นั่นจึงพิสูจน์ได้แล้วว่าผู้บริโภคให้การยอมรับเรื่องรสชาติของเรา ยกตัวอย่างร้านข้าวกะเพราเดิม ที่เราส่งต่อธุรกิจให้กับเพื่อนบ้าน ในแต่ละเดือนเขาก็สามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
‘การทำธุรกิจยุคนี้ทำได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเยอะ เราออกโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นมา เพื่อต้องการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ ลองเปลี่ยนครัวหลังบ้านให้เป็นฟู้ดเดลิเวอรี่ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนแฟรนไชส์ เพราะซื้อซอสเราหลักร้อย ก็สามารถสร้างอาชีพได้’ สัจจา วสุวัต
โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้อ่านจากชี้ช่องรวย เมื่อสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่ถุงแรก รับทันทีเครื่องมือทำฟู้ดเดลิเวอรี่ให้เติบโต (ปกติต้องซื้อ 6 ถุงขึ้นไป) พร้อมจัดส่งฟรีถึงที่
สอบถามรายละเอียดการสั่งซื้อซอสกะเพราหมีปรุงได้ที่:
https://meeprung.com/meePaShop.php?url=9dac5fb7
โทร 090 285 6291
Line: https://lin.ee/3Lr3RdPPG
Food Truck ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมในขณะนี้ จนธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มหลากหลายค่ายให้ความสนใจ ปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบร้านมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจรูปแบบของธุรกิจมากเท่าที่ควรวันนี้ ชี้ช่องรวย จึงอยากจะมาบอก 6 เรื่องสำคัญต้อ
การทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ การมีทำเลที่ดี ก็จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ดั่งคำที่ว่า “ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” แต่รู้หรือไม่ว่าต่อให้ทำเลดีแค่ไหน หากไม่เหมาะกับธุรกิจนั้นๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ ชี้ช่องรวยจึงอยากจะมาแนะนำ 6 ประเภทภาพรวมว่าควรจะเลือกทำเลแบบไหนถึงจะดีที่สุด 1.โฮมออฟฟิศ ปัจจุบันโฮมออฟฟิศเป็นที่นิยมมากของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยการดัดแปลงห้องภายในบ้านให้กลายเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าการใช้ที่พักอาศัยเป็นที่ทำงานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ข้อเสียที่ต้องทำใจคือ อาจพักผ่อนได้ไม่เต็มที่เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่กองงาน และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะทำให้ขาดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจต่างๆ ดังนั้นคุณควรช่างน้ำหนักให้ดีว่าจะเลือกความเป็นส่วนตัวหรือเลือกงาน หากเลือกความเป็นส่วนตัวก็ควรเลือกทำที่สงบ ถ้าต้องการมีแรงกระตุ้นในการทำงาน ควรเลือกทำเลที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงหลักกฎหมายด้วยว่าบ้านของคุณสามารถดัดแปลงเป็นที่ทำงานได้หรือไม่ 2. แฟรนไชส์ ร้านค้าปลีก หรือการบริการต่างๆ รูปแบบนี้เราอาจจะพบเห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งหลักการสำหรับร้านขายปลีก และร้านบริกานั้นจะต้องเป็นจุดสังเกต ดึงดูดลูกค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด ย่านชุมชน หรือเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเปิดร้านเครื่องเขียนก็ควรตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นควรตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ร้านอาหารตามสั่งอยู่ในแหล่งที่มีหอพัก เป็นต้น ทั้งนี้ข้อควรระวังอีกอย่างคือ อย่าตั้งร้านใกล้ร้านดังที่ขายสินค้า และบริการแบบเดียวกับคุณเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะไม่ใช้บริการร้านเปิดใหม่ของคุณ 3.ธุรกิจเคลื่อนที่ หรือ Food truck หากคุณจะทำธุรกิจเคลื่อนที่ คุณจำเป็นต้องมีพาหนะที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเสียก่อน ซึ่งพาหนะนี่แหละที่จะพาสินค้าและบริการของคุณไปสู่ทำเลที่ดี […]
เปิดไอเดียธุรกิจรักษ์โลก กับ GLISTENDESIGN แบรนด์สินค้าแฟชั่นและของแต่งบ้านรายแรกที่นำขยะจากอุตสาหกรรมยานยนต์มาพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้าดีไซน์เก๋และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนสามารถสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน คุณแพรวา จุฑามาศ บุญพงษ์ เจ้าของธุรกิจ GLISTENDESIGN ผลิตภัณฑ์ Upcycling จากวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจนี้มีไอเดียมาจากการมองเห็นปัญหาของขยะพลาสติกในอุตสาหกรรมยายนต์ในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดแนวคิดที่ต้องการนำวัสดุเหล่านั้นในอุตสาหกรรมยายนต์มาพัฒนาต่อยอดให้มีคุณค่ายิ่งขึ้น และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้ความคิดความสร้างสรรค์มาออกแบบและพัฒนาวัสดุทดแทนเหลือใช้จากอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน ปัจจุบันธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 สำหรับความว้าวหรือความโดดเด่นของ GLISTENDESIGN ผลิตภัณฑ์ Upcycling จากวัสดุเหลือใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบด้วย 4 เรื่อง ได้แก่ 1. Glisten เป็นสินค้ายกระดับของเหลือใช้จากขยะจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเราเป็นที่แรกที่พัฒนาออกมาเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น 2. ผลิตจากช่างงานฝีมือไทย ซึ่งใช้ความประณีตและพิถีพิถันในการผลิตผลงานทุกขั้นตอน 3. ผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม ทนทาน และใช้งานได้จริง ด้วยแนวคิดและเทคนิคเฉพาะของแบรนด์ และ 4. เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากผลิตและเริ่มวางจำหน่าย ลูกค้าให้การตอบรับดีเกินคาด ซึ่งทางแบรนด์เน้นออกแบบไปที่กลุ่มสินค้าแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน เนื่องจากเป็นสินค้าที่กลุ่มผู้รักสิ่งแวดล้อมและงานฝีมือชื่นชอบ โดยปัจจุบันวางจำหน่ายที่ร้าน […]
