วันนี้ ชี้ช่องรวย ขอนำเสนออะไรที่เบาสมองกันบ้าง เป็นแนวทางการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดแบบง่ายๆ ให้ลองไปทำตามกันดู มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.ตั้งคำถามและหาคำตอบอยู่เสมอ
ตอนเด็กๆ เรามักสงสัยถึงสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ บางครั้งเราตั้งคำถามบ้าๆบอๆ กับพ่อแม่ เช่น ทำไมท้องฟ้าจึงเป็นสีฟ้า ทำไมสุนัขเห่าโฮ่งๆ ทำไมแมวร้องเหมียวๆ แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น เราวุ่นวายกับชีวิตมากขึ้น จนทำให้ความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับโลกและสิ่งรอบตัวหายไป
แต่ทว่า เราควรรักษาจินตนาการเหล่านั้นไว้ โดยการตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างสม่ำเสมอ คุณอาจจดบันทึกความคิดหรือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว และเมื่อคุณถึงบ้าน คุณควรค้นหาคำตอบต่างๆที่คุณได้จดเอาไว้ แม้ว่าความรู้ที่คุณได้รับจะไม่เกี่ยวข้องกับงานของคุณโดยตรง แต่อย่างน้อยการแสวงหาความรู้จากความสนใจเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถนำคุณไปสู่การค้นพบงานอดิเรกของชีวิต
2.อ่านเรื่องราวแปลกใหม่
เทคโนโลยีทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรใช้เวลาทั้งวันในการเลื่อนดูภาพและเรื่องราวต่างๆ ในเฟสบุค ในทางกลับกัน คุณควรใช้แอพลิเคชั่นที่มีประโยชน์ เช่น Flipboard และ Longform แอพลิเคชั่นเหล่านี้ รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจรอบโลก นอกจากนี้ คุณไม่ควรอ่านข่าวในเว็บไซต์เดิมๆ ลองเปลี่ยนมาอ่านบทความที่แสดงความคิดเห็นในมุมที่แตกต่างที่จะช่วยให้คุณเปิดโลกทัศน์ และอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ ทั้งนี้ การอ่านเพื่อความบันเทิงก็มีประโยชน์เช่นกัน เช่น ช่วยให้คุณมีจิตใจที่กระชุ่มกระชวยและผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้า
3.แบ่งปันและถ่ายทอดความรู้
การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความสำคัญมาก แต่การแบ่งปันและถ่ายทอดความรู้นั้นมีความสำคัญมากกว่า การแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจผ่านทางเฟสบุค หรือการเล่าเรื่องด้วยการลงรูปถ่ายต่างๆ สามารถช่วยถ่ายทอดเนื้อหาสาระ ความคิด รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกของคุณไปยังผู้อื่นได้ เช่น เพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก และสิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถสร้างเครือข่าย หรือพบกับมิตรภาพที่ดีมากมาย
4.ประยุกต์ใช้ความรู้
หากคุณอ่านบทความให้คำแนะนำเรื่องหนึ่ง แต่คุณไม่นำเทคนิคหรือความรู้มาใช้ ก็เท่ากับว่าคุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น ในการเรียนรูสิ่งใหม่ คุณก็ควรที่จะประยุกต์ใช้มันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเล่นกีตาร์ และได้อ่านบทความเกี่ยวกับทฤษฎีทางดนตรี คุณก็ควรที่จะนำความรู้ที่คุณได้มาประยุกต์ใช้ในการเล่นกีตาร์ของคุณ
นอกจากนี้ การที่คุณถามตัวเองก่อนที่จะเรียนรู้ว่า “จะสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร” จะเป็นการกระตุ้นให้คุณมีเป้าหมายในการเรียนรู้ และช่วยให้คุณเกิดแรงบันดาลใจที่จะประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้ในชีวิตจริงมากขึ้น
5.แสวงหา และแลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลอื่น
โซเชียลมีเดีย เช่น ทวิตเตอร์ หรือเฟสบุค ทำให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ คุณควรใช้โอกาสนี้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น กับบุคคลที่น่าสนใจและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คุณ เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยให้คุณมีความคิดและมุมมองใหม่ๆ ทั้งยังช่วยให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ อีกด้วย
6.ทำในสิ่งที่คุณกลัว และไม่เคยทำ
เรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่คุณรู้สึกประหม่าและกลัว เพราะสิ่งนี้ช่วยให้คุณมีความกล้าและแข็งแกร่งมากขึ้น กล่าวคือ หากคุณสามารถทลายกำแพงความกลัวได้ คุณจะพบว่าตัวคุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด ในช่วงแรกที่คุณลองทำสิ่งที่แปลกใหม่นั้น คุณอาจเริ่มทำกับกลุ่มเล็กๆหรือกลุ่มที่มีความสนิทสนมก่อนแล้วค่อยๆขยายวงกว้างมากขึ้น เช่น หากคุณเริ่มเล่นกีตาร์เพลงใหม่ ให้คุณลองเล่นให้เพื่อนกลุ่มเล็กๆฟังก่อน จากนั้นก็เล่นให้เพื่อนร่วมงานฟัง จนกระทั่งเล่นต่อหน้ากลุ่มคนจำนวนมากที่คุณไม่รู้จัก เป็นต้น
7.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้คุณมีพลังและสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คุณควรที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เพื่อที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชีวิต
8.เล่นเกมส์แทนการดูโทรทัศน์
การเล่นเกมส์ เช่น ปริศนาครอสเวิร์ด ทายคำ หรือวีดีโอเกมส์ ล้วนมีประโยชน์มากกว่าการดูโทรทัศน์ เกมส์เหล่านี้ทำให้สมองของคุณได้ใช้ความคิดตลอดเวลา และทำให้ฝึกความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยพัฒนากระบวนการแก้ปัญหาซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในด้านต่างๆ
9.ออกกำลังกาย
นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สุขภาพร่างกายของคุณแข็งแรงสมบูรณ์ เพราะถ้าหากร่างกายของคุณป่วย มันจะมีผลกระทบต่อจิตใจของคุณด้วย ดังนั้น คุณควรออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ โดยอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆของวัน หรือหากคุณไม่มีเวลามากพอ คุณอาจจะออกกำลังกายง่ายๆ ในการดำรงชีวิต เช่น การเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หรือการเดินระยะไกลจากที่จอดรถมาถึงออฟฟิศที่ทำงาน เป็นต้น
10.ใช้เวลาในการพักผ่อนหย่อนใจ
สมองและร่างกายของคุณต้องการการพักผ่อนทุกวัน คุณควรนอนหลับวันละ 7-8 ชม. นอกจากนี้ คุณควรมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจ โดยปราศจากสิ่งกระตุ้นภายนอกที่คอยรบกวนคุณ เช่น การนั่งสมาธิ โดยที่คุณอาจใช้เวลา 10 นาทีในการนั่งสมาธิก่อนนอน วิธีการนี้จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น และถ้าหากคุณทำตอนตื่นนอน จะทำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส หรือหากคุณนั่งสมาธิตอนกลางวัน คุณก็จะมีพลังในการทำงาน ในขณะที่คนอื่นๆ อาจสัปหงกตอนบ่าย 2 โมง
ที่มา : learninghubthailand , Lifehack