ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

“Re-born” รับฝากขายเสื้อใช้แล้ว โพสต์ “เฟซบุ๊ก” เรียกแขกซื้อปลีก


คุณวรพจน์ บอกหลักการแลกเปลี่ยนว่า Re-born จะรับซื้อเสื้อผ้าจากผู้ใช้โดยตรงเท่านั้น ไม่เน้นรับซื้อจากพ่อค้าแม่ค้า มีเงื่อนไขการรับซื้อ 20 ชิ้นต่อคนต่อสัปดาห์ รับซื้อชุดเดรส ชุดแฟชั่น กระโปรง เอี๊ยมสั้น จั๊มสูทเสื้อเชิ้ตชาย เสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์ แต่ไม่รับซื้อเสื้อยืด โดยราคารับซื้อลูกค้าสามารถกำหนดเองได้ ตั้งแต่ตัวละ 25-500 บาท ส่วนจะได้ราคาตามที่ตั้งไว้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากทางร้าน ส่วนกรณีที่ฝากขายลูกค้าสามารถฝากขายได้ในระยะเวลา 2 เดือน หากขายได้ก็มารับเงินสดจากทางร้าน หากขายไม่ได้ก็สามารถต่ออายุการฝากขายต่อไปอีกได้

 

นอกเหนือจากการมีหน้าร้านที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ชั้น 2 (ฝั่งโลตัส) เพื่อรับซื้อและขายปลีกแล้วนั้น เขายังทำการตลาดเพิ่มด้วยการเปิดหน้าร้านบนเฟซบุ๊ก (www.facebook.com/rebornstorethailand) ให้กับลูกค้าที่มาฝากขายเพิ่มเติม โดยทางร้านจะจัดมุมถ่ายรูปเพื่อให้เจ้าของสินค้าได้มีรูปถ่ายที่สวยงามแล้วนำไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว นอกจากนี้ทางร้านก็ช่วยอัพเดทรูปเสื้อผ้าต่างๆ ของลูกค้าให้อีกช่องทางหนึ่งด้วย และเสื้อผ้าแต่ละชิ้นที่โพสต์บนเฟซบุ๊กของ Re-born จะมีการระบุรหัสสินค้าเพื่อบ่งบอกถึงเจ้าของสินค้า

 

“การเปิดหน้าร้านออนไลน์ เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว Re-born ใช้ช่องทางนี้เพื่อการบอกต่อถึงรูปแบบสินค้าที่มีเท่านั้น หากผู้บริโภคต้องการซื้อต้องเดินทางมายังหน้าร้านที่เปิดบริการอยู่ โดยส่วนตัวผมมองว่าเสื้อผ้าเป็นสินค้าที่ต้องลองสวมใส่ อีกทั้งเสื้อผ้าที่ร้านมีชิ้นเดียว ไม่มีไซส์ หรือสี ให้เลือก หากเปิดการขายผ่านเว็บและส่งของไปยังมือลูกค้าเกรงว่าลูกค้าอาจจะได้เสื้อผ้าที่ไม่คุ้มค่าที่จ่ายไป”

 

แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายยังหน้าร้านออนไลน์ แต่เทคนิคนี้ก็ช่วยให้ธุรกิจ Re-born เติบโต เพราะมีทั้งลูกค้าที่ต้องการขายต่อเสื้อผ้าตัวเอง และคนที่ต้องการซื้อปลีก ต่างเดินเข้ามาใช้บริการ Re-born อย่างต่อเนื่อง 6 เดือนที่เปิดร้านมีลูกค้าที่ฝากขายเสื้อผ้าแล้ว 223 คน โดยมีจำนวนฝากขายสินค้า 3,578 ชิ้น มียอดกด Like 1,308 ครั้ง

 

“หน้าร้านออนไลน์ของเราไม่ใช่มีเพียงแค่การอัพเดทรูปเสื้อผ้าของลูกค้าเท่านั้น เรายังเน้นสร้างกิจกรรมสนุกๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาสนใจเพจของเรา เพื่อสร้างยอดกด Like ให้มากขึ้น ยกตัวอย่างกิจกรรม ถ่ายรูปเสื้อผ้าที่ซื้อคู่กับป้ายร้าน แล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง ถ้ารูปของใครมียอดกด Like มากที่สุดในระยะเวลา 3 เดือน รับทองคำมูลค่า 5 พันบาท”

 

คุณวรพจน์ พูดถึงแคมเปญสนุกๆ ที่จัดให้กับหน้าร้านบนเฟซบุ๊ก ปรากฏว่ามีคนร่วมกิจกรรมมากมาย ยอดขายของร้านก็ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าการตลาดบนโซเชียลมีเดียมีผลต่อการทำธุรกิจ

 

“ใครที่กำลังทำธุรกิจก็อย่าลืมใช้ช่องทางนี้ เพราะนี่คืออีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างความรวยให้เกิดขึ้นกับคุณ” เจ้าของไอเดียเสื้อเก่าแลกเงิน กล่าวทิ้งท้าย