การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้หลายบริษัททำการศึกษาเทรนด์อี-คอมเมิร์ซ และพฤติกรรมการซื้อ-ขายสินค้าของผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ สืบสกล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด ที่ติดตามและทำการบ้านเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
สืบสกลกล่าวว่า ปัจจุบันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือของคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนสูงขึ้นกว่า 56% สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงตัวเลขของตลาดอี-คอมเมิร์ซที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยตลาดอี-คอมเมิร์ซแบบ B2C ในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 42,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตราว 20% ต่อปี ขณะที่ตลาดอี-คอมเมิร์ซแบบ B2C ในกลุ่มประเทศ AEC มีมูลค่าราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท
ด้วยศักยภาพความพร้อมของตลาดอี-คอมเมิร์ซอาเซียน ทำให้แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ตัดสินใจบุกเบิกตลาดอาเซียนเมื่อปลายปี 2558 ประเดิมด้วยการส่ง iTrueMartเข้าไปปักหมุดการเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่ “ฟิลิปปินส์” เป็นประเทศแรก ความหอมหวานอยู่ที่จำนวนประชากรที่มากถึง 100 ล้านคน และที่สำคัญที่สุดคือ ตลาดนี้ยังคงไร้คู่แข่ง
ในปี 2559 แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ วางแผนรุกตลาดอี-คอมเมิร์ซอาเซียนเพิ่มอีก 6 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่จะพิจารณาเลือกโมเดลธุรกิจของ iTrueMartหรือ WeLoveShoppingเข้าไปก่อน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดของประเทศนั้นๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นโมเดลใด กลยุทธ์ที่ใช้เอาชนะใจคนอาเซียนจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือการนำเสนอจุดแข็งในเรื่องของ “ประสบการณ์ที่ดี” ในการซื้อสินค้าข้ามประเทศที่สะดวก ง่ายดาย และได้สินค้าที่เป็นของแท้แน่นอน โดยจะมีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าตลอดเวลา เพื่อปรับปรุงพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ การรับประกันคุณภาพสินค้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งออนไลน์
ในขณะที่ความพร้อมและขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ จึงสามารถสร้างต้นทุนต่อยูนิตได้ต่ำ เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซรายอื่นๆ ที่อยู่ในตลาด ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของแอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ตลอดจนผู้เล่นรายใหม่ที่สนใจจะเข้ามาแข่งขันก็นับว่ายากเต็มที เพราะการลงทุนธุรกิจในเบื้องต้นค่อนข้างสูง แผนการเปิดตลาดซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ในอาเซียนเพื่อหวังให้แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ก้าวสู่การเป็นผู้นำอี-คอมเมิร์ซในระดับภูมิภาคภายในระยะเวลา 3 ปี จึงนับว่าสดใส
สำหรับตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทย สืบสกลมองว่ายังคงมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก โดยผลประกอบการของทั้งกลุ่ม 2 ธุรกิจในปี 2558 พบว่า iTruemartมียอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 700% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วน WeLoveShoppingมียอดการซื้อขาย 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 200% โดยทั้ง iTrueMartและ WeLoveShoppingมียอดการสั่งซื้อรวมกันมากกว่า 14,000 รายการต่อวัน
“กลยุทธ์หลักที่จะใช้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอี-คอมเมิร์ซในเมืองไทย ผมมองว่าต้องพัฒนาระบบการซื้อ-ขายออนไลน์ให้ลูกค้าเชื่อใจ เป็นการสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่อง ด้านระบบการขนส่งสินค้าต้องรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น สามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายภายในวันเดียวหรือวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับแบรนด์และผู้ประกอบการ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชมสินค้าและต่อยอดการขายให้กับร้านค้าต่อไป” สืบสกลกล่าว
ล่าสุด แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ ได้ทุ่มงบลงทุน 900 ล้านบาท สำหรับการขยายศักยภาพแพลตฟอร์ม ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการใช้งานของ WeLoveShopping.com ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขายและผู้ซื้อออนไลน์มากขึ้น
ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด มองว่าความสามารถในการแข่งขันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซนั้น อยู่ที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจะต้องมีความเข้าใจในระบบนิเวศของตลาด ขณะที่ร้านค้าออนไลน์ที่สามารถแข่งขันได้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากอี-มาร์เก็ตเพลสที่มีศักยภาพ และเพื่อผลักดันให้ร้านค้าบน WeLoveShopping.com มีศักยภาพในการทำธุรกิจได้อย่างครบวงจร จึงได้มีการใช้บริษัทในเครือมาเอื้อประโยชน์ร่วมกัน
เช่น การฝากสินค้าในคลัง Aden Fulfillment ที่ดูแลเรื่องการจัดเก็บ การแพ็คและส่งสินค้า การเพิ่มความสะดวกในการชำระค่าสินค้าด้วยบริการแบบเก็บเงินปลายทางและแบบผ่อนชำระ 0% ผ่านระบบ TrueMoneyการใช้โครงสร้างพื้นฐาน Cloud Service บน TIDC ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ Amazon Web Service ในการรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
“ทุกวันนี้มีการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร้านค้าบน WeLoveShopping.com เพิ่มขึ้นถึง 350,000 ร้าน ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ หลายร้านประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของยอดขายและการเป็นที่รู้จัก เช่น ร้านมุ้งมิ้ง ไอที ขาย Gadget & Electronic ติดอันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 3 แสนบาทต่อเดือน ร้าน Modern Time มียอดการสั่งซื้อนาฬิกากว่า 500 รายการต่อเดือน และร้านช็อปคลับชุดแฟชั่นสตรีที่มียอดขายกว่า 1.6 แสนบาทต่อเดือน” ธีรพงษ์กล่าว
การขยายตลาดอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียน จึงไม่เพียงแต่จะทำให้ยอดขายของทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจของแอสเซนด์ คอมเมิร์ซเติบโตขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับร้านค้าไทยบนโลกออนไลน์ด้วย เรียกว่ายกขบวน SME โกอินเตอร์กันถ้วนหน้า