ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ขยายกรอบเยียวยาเพิ่มเติมครอบคลุมทุกสิทธิ ม.33 ม.39 ม.40 กิจการ 9 สาขา พื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จ. เวลา 1 เดือน


เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ เพิ่มเติมจากมติ ครม. เดิม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยให้ความช่วยเหลือระยะเวลา1 เดือน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด (จากเดิม 6 จังหวัด) คือ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา

ครอบคลุมประเภทกิจการรวม 9 สาขา ได้แก่

  1. ก่อสร้าง
  2. ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
  3. ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ
  4. กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ
  5. ขายส่งและการขายปลีก ซ่อมยานยนต์
  6. ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
  7. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
  8. กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ
  9. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือมีดังนี้

1.แรงงานในระบบ ประกันสังคม

ผู้ประกันตนมาตรา 33

  • นายจ้างและผู้ประกอบการ รัฐบาลยังคงจ่ายให้นายจ้างตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน
  • ลูกจ้าง จ่ายเพิ่มเป็น 2,500 บาท/คน จากที่ลูกจ้างจะได้รับตามมาตรการช่วยเหลือเดิมเพียง 2,000 บาท/คน ซึ่งเมื่อรวมกับจ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ทำให้ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท/คน

ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40

ที่ประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่อยู่นอกระบบมาตรา 33 ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (มาตรา 40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน

2.นอกระบบประกันสังคม

กลุ่มผู้ประกอบการ/นายจ้าง กรณีมีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อที่นายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน ซึ่งลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ภายในเดือนก.ค.นี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน

สำหรับผู้ประกอบการในระบบ ถุงเงิน โครงการ #คนละครึ่ง และโครงการ #เราชนะ ขยายให้ความช่วยเหลือจากเดิมเฉพาะหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็น 5 กลุ่ม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าบริการและกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)

กรณีที่มีลูกจ้าง ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อนายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/คน/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คนและลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินในอัตรา 5,000 บาทต่อคน

ขอบคุณที่มา facebook : รัชดา ธนาดิเรก – รองโฆษกรัฐบาล