ศูนย์รวมแฟรนไชส์น่าลงทุน

ชี้ช่องรวย โอกาสรวยของคนตัวเล็ก

How to

ชี้ช่องรวย แจกสูตร คำนวณ ต้นทุน – กำไร สำหรับร้านค้าออนไลน์ ป้องกันปัญหาขาดทุนแบบไม่รู้ตัว


ปัจจุบันช่องทางการขายหลักคงหนีไม่พ้นช่องทางออนไลน์ บางร้านขายดีมากนับเงินกันอย่างเพลิดเพลิน แต่พอมารู้ตัวอีกทีดันขาดทุน หรือหรือไม่ว่าสาเหตุที่ขายดี แต่ไม่มีกำไรแถมเข้าเนื้อนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร วันนี้ ชี้ช่องรวย จะมาสอนวิธีการคำนวณต้นทุน – กำไร สำหรับร้านค้าออนไลน์ให้ได้ทราบกัน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

ปัญหาเหล่านี้ แก้ได้ไม่ยากเลย แค่เพียงเรารู้จักทำสิ่งที่เรียกว่า “การคำนวณหาจุดคุ้มทุน” เพื่อให้เรารู้ว่าต้องขายให้ได้เท่าไหร่ถึงจะไม่ขาดทุนนั่นเอง

การคำนวณจุดคุ้มทุนสำหรับร้านออนไลน์ (Online Store BEP – Break Even Point)
คำถามยอดฮิตที่เจ้าของร้านหลายคนอยากรู้ก็คงหนีไม่พ้น 2 ข้อนี้

  1. ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะคุ้มทุน?
  2. หรือ ต้องขายชิ้นละกี่บาทถึงจะได้กำไร

แต่ก่อนที่จะไปหาคำตอบ 2 ข้อนี้ เราอยากให้เพื่อนรู้จักและสำรวจตัวเองก่อนว่า ปัจจุบันธุรกิจของเรามี “ต้นทุน” เท่าไหร่ โดยต้นทุนในการทำธุรกิจเราต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

  • ต้นทุนผันแปร (Variable Cost – VC) คือ ต้นทุนที่มีการผันแปร/เปลี่ยนแปลงไปตามยอดขาย เช่น ค่าโฆษณาบน Facebook (ยอดขายเพิ่มมากขึ้น ก็เพราะเราลงงบโฆษณามากขึ้น) ค่าคอมของตัวแทนจำหน่าย (ยิ่งขายได้มาก ก็ต้องเสียค่าคอมมาก) ค่าผลิตสินค้า (ราคาที่สั่งผลิต เปลี่ยนไปตามยอดที่เราสั่ง) เอาง่ายๆ คืออะไรก็ได้ ที่มีตัวเลขไม่คงที่นั่นเองค่ะ เพื่อนๆ ลองลิสออกมาให้หมด
  • ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost – FC) คือ ต้นทุนที่มีเลขตายตัว ไม่แปรผันกับยอดใดๆ ทั้งสิ้น มีจำนวนเท่าๆ กันตลอด เช่น ค่าเช่าที่ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงานประจำ ฯลฯ เช่นเดียวกันค่ะ ลองลิสออกมาให้หมด

1.ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะคุ้มทุน ?

สมมุติว่าเราขายครีม/เครื่องสำอางออนไลน์ ที่มีต้นทุนดังนี้

VC = ต้นทุนครีมที่ไปซื้อจากโรงงาน 60,000 บาท 100 กระปุก, ค่า Packaging 2,000 บาท, ค่าโฆษณาบน Facebook 30,000 บาท ค่าจ้าง Graphic Designer 5,000 บาท ส่วนค่าส่งสินค้าให้ลูกค้าออกเอง XD ฮ่าๆ = 97,000 บาท = กระปุกละ 970 บาท

FC = ค่าจ้าง Admin ตอบลูกค้าเดือนละ 12,000 บาท ค่าทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายรายเดือน 4,000 บาท = 16,000 บาท
โดยสมมุติว่าเราตั้งราคาขายไว้ที่กระปุกละ 1,200 บาท จะได้ออกมาเป็นสูตร ดังนี้

ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะไม่ขาดทุน ?

จำนวนชิ้นสินค้า= ต้นทุนคงที่ /ราคาสินค้า*-ต้นทุนผันแปรต่อชิ้น
จำนวนชิ้นสินค้า =16,000/(1,200-970)
=69.5 ชิ้น
=70 ชิ้น

ดังนั้นต้องขายสินค้ามากกว่า 70 ชิ้นต่อเดือน กำไรถึงจะเริ่มมา
*สมมุติราคาสินค่าไว้ที่ชิ้นละ 1,200 บาท

2.ต้องขายกี่บาทถึงจะคุ้มทุน ?

จะได้ออกมาเป็นสูตร ดังนี้

ต้องขายชิ้นละกี่บาท ถึงจะไม่ขาดทุน?
ราคาสินค้าต่อชิ้น = [ต้นทุนคงที่ +(ต้นทุนผันแปรต่อชิ้น x ปริมาณสินค้า*)]/100
ราคาสินค้าต่อชิ้น = [1,600 + (970×100)]/100
= 1,130 บาท

ดังนั้นต้องขายสินค้าชิ้นละมากกว่า 1,130 บาท จึงจะได้กำไร
*สมมุติว่าสั่งผลิตสินค้าไว้ที่ 100 ชิ้น

เพียงเท่านี้ เจ้าของกิจการทุกท่านก็จะได้มีเป้าหมายที่ถูกต้อง และยังทำให้เราทราบต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าที่เราขาย หมดปัญหาเรื่องทุนจมไปได้เลย

 

Related Posts

ชี้ช่องรวย how to ธุรกิจ แฟรนไชส์

อยากมีแฟรนไชส์ต้องดู! รวม 5 ขั้นตอนปั้นแบรนด์ให้เหมาะสมเพื่อกลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์

แฟรนไชส์ เป็นสิ่งที่หลายคนที่อยากมีธุรกิจกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องเริ่มเอง ลงทุนแล้วใช้ชื่อเสียงแบรนด์นั้นต่อยอดสร้างรายได้ได้เลย ในเมื่อ แฟรนไชส์ กำลังนิยมอย่างต่อเนื่อง จะดีกว่าไหมถ้าคุณมีธุรกิจอยากสร้างตัวเองให้เป็นแฟรนไชส์ด้วย เพื่อเติบโตและสร้างโอกาส สร้างอาชีพให้คนอื่น ชี้ช่องรวยจึงมาบอก 5 ขั้นตอนปั้นแบรนด์ให้เหมาะสมเพื่อกลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน! 1.ต้องมีสินค้าหลักที่ถูกใจผู้บริโภค ไม่ว่าคุณจะเปิดธุรกิจอะไรตาม เช่น ร้านขนมปัง ก็ควรมีขนมปังสัก 1 ชนิดที่เป็นจุดขายและขายดีที่สุดของร้าน หรือทำร้านน้ำก็ควรมีเมนูซิกเนเจอร์ที่แตกต่างจากร้านอื่นเป็นจุดขายของร้านเช่นเดียวกัน เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างยอดขายและลูกค้าประจำขึ้นมา 2.ออกแบบแบรนด์ให้โดดเด่น ร้านที่ดีก็ต้องมีดีไซน์ที่โดเด่น ความแตกต่างทำให้เรามีตัวตน มีมูลค่ามากขึ้น การออกแบบนั้นควรคำนึงถึงหลักศิลปะ สีสันที่ใช้ รูปลักษณ์โลโก้ที่สามารถสื่ออารมณ์ถึงลูกค้าได้ เรียบง่ายแต่ทรงพลัง 3.มีระบบบริหารที่ดูแลง่าย ทำระบบหลังบ้านให้แน่นเสียก่อน เช่น ระบบการเทรนแฟรนไชส์ซี ระบบการคิดเงิน ระบบการขนส่งสินค้า ระบบทำสินค้า ที่สำคัญจำเป็นต้องมี “คู่มือ” เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบว่าธุรกิจนี้คืออะไร ขายอะไรบ้าง กระบวนการทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำต้องทำอะไร คุณค่าแบรนด์อยู่จุดไหน หรือแม้แต่จุดยืนแบรนด์เป็นอย่างไร เพื่อให้ความเข้าใจในแบรนด์และการบริหารงานตรงกัน 4.จดลิขสิทธิ์ป้องกันการเลียนแบบ การทำแบรนด์ที่ใหญ่โตขึ้นสิ่งสำคัญที่ควรทำคือ “จดลิขสิทธิ์” ป้องกันการลอกเลียนแบบที่จะสร้างความเสียหายในทางธุรกิจ หากไม่ดำเนินการอาจมีแบรนด์เกิดใหม่ที่ทำโลก็คล้ายแบรนด์เราแล้วก่อเรื่องเสียหาย ด้วยความเข้าใจผิดลูกค้าอาจมาต่อว่าแบรนด์เราก็ได้ทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร 5.สร้างตัวชี้วัดความแข็งแรงของแบรนด์ ต้องมีการชี้วัดว่าแบรนด์เราดังหรือนิยมเพียงใด เช่น […]

ชี้ช่องรวย how to ธุรกิจ สัญญาณเตือน

5 สัญญาณเตือนความเสี่ยง ธุรกิจของคุณขาดสภาพคล่องจนเสี่ยงจะเจ๊ง

ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอยู่ต้องระวังให้ดี การทำธุรกิจของคุณใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลายเสมอไป ย่อมมีอุปสรรคเข้ามาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน และอุปสรรคนั้นไม่แน่ว่าอาจจะเกิดจากตัวคุณเองด้วย ชี้ช่องรวยเลยพามาดู 5 สัญญาณเตือนความเสี่ยง ธุรกิจของคุณขาดสภาพคล่องจนเสี่ยงจะเจ๊ง 1.ขาดกระแสเงินสด สังเกตดูว่าเงินในธุรกิจเริ่มขาดแคลนหรือน้อยลง มันอาจเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าธุรกิจกำลังมีปัญหา ต้องมีการคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ใหม่และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง 2.บัญชีไม่เป็นระบบ มีการจัดการบัญชีที่ไม่เรียบร้อย ไม่ชัดเจน ที่มาของรายรับ – รายจ่ายไม่ครบ แสดงว่าคุณไม่ใส่ใจมากพอจนเกิดข้อผิดพลาดใหญ่ตามมา คุณอาจต้องจ้างนักบัญชีมืออาชีพมาดูแลส่วนนี้โดยฌพาะ หรือหาเครื่องมือมาจดบันทึกบัญชีให้เป็นระบบมากขึ้น 3.การจัดสรรเงินไม่เป็นสัดส่วน แสดงว่าคุณทุ่มเงินไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกเนไป เช่น ลงทุนมากเกินไป ซื้อสินค้ามาสต๊อกมาเกินจำเป็น และอาจมีการใช้เงินกับตัวเองมาปะปนในทุนของธุรกิจด้วย ดังนั้นต้องสร้างแผนการเงินใหม่ จัดสรรให้สมดุลมากที่สุด หาที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มีมาตรฐานมากขึ้น 4.เงินหมุนเวียนน้อยกว่าต้นทุน เมือใดที่เงินหมุนเวียนในธุรกิจมีน้อยกว่าต้นทุนคงที่ที่ใช้ซื้อของเข้าร้าน แสดงว่าเกิดการฝืดเคืองทางการเงิน เสี่ยงขาดทุนจนปิดกิจการ ต้องเพิ่มกำไรให้ได้หรือลดทุนให้ไม่ห่างจากเงินหมุนเวียนหรือต่ำกว่าให้ได้ 5.ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา เมื่อสภาพคล่องหายไป การชำระหนี้ก็ไม่ตรงตามกำหนดและเสี่ยงเกิดหนี้สินทับถมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นต้องวางแผนการเงินให้ชัดเจนและเข้มงวดมากกว่านี้   ติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ : คลิก FacebookFacebookXXLINELine

ชี้ช่องรวย ธุรกิจ how to

อยากก้าวหน้าต้องรู้! 5 ข้อการปั้นธุรกิจให้เติบโตต่อยอดความสำเร็จ

ยุคนี้มีหลายคนอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเองกันเพิ่มมมากขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะได้มีอะไรเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ต้องฟังคำสั่งใคร มีโอกาสหารายได้ที่มากขึ้นแบบไม่มีเพดานมาจำกัด นั่นจึงทำให้การทำธุรกิจเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่เมื่อมีธุรกิจแล้วต้องมาคิดต่อแล้วว่าจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตไปมากกว่านี้ ชี้ช่องรวยจึงขอเสนอ 5 ข้อการปั้นธุรกิจให้เติบโตต่อยอดความสำเร็จ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน! 1.โฟกัสกับงานอย่างเต็มที่ ใช้เวลาอยู่กับธุรกิจตัวเองให้มาก ถ้าอยากให้ธุรกิจโตขึ้น แข็งแรงขึ้นก็ต้องทุ่มสุดตัว เรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ หมั่นหาความรู้ ตามเทรนด์โลกให้ทันอยู่เสมอ ลูกค้าชอบความสดใหม่ดังนั้นก็ต้องอยู่ในกระแสตลอด ทำให้เป็นที่รู้จักแก่คนอื่นมากขึ้น พยายามโปรโมท มีสื่อหลายช่องทางช่วยสร้างฐานลูกค้า 2.เสียสละเวลาให้กับงาน การทำธุรกิจคืองานที่ต้องอุทิศเวลาให้เพื่อให้ก้าวหน้าไปได้ ทั้งเวลาส่วนตัวและพักผ่อนหรือแม้แต่เวลาครอบครัว ต้องบริหารให้ดี ทุกเวลามีค่าสำคัญหมด ต้องปรับตัวมากเสียหน่อย ช่วงแรกอาจมีเวลากับครอบครัวน้อย พักผ่อนได้น้อย แต่เมื่ออยู่ตัวแล้ว ภาพฝันแบบไหนก็จะได้แบบนั้น 3.จดบันทึกอย่างละเอียด บันทึกทุกอย่างไว้เป็นข้อมูล ทำให้สามารถประเมินธุรกิจตนเองได้ รับรู้จุดดี จุดที่ต้องปรับปรุง บันทึกไว้เป็นสถิติต่าง ๆ ได้ รวมไปถึงรายรับ-รายจ่ายที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ติดกระดุมแรกผิดมันก็จะผิดทั้งแถว คำนวณต้นทุนให้ดี บันทึกให้ครบ ป้องกันค่าใช้จ่ายเกินจำเป็นและต้นทุนแฝงต่าง ๆ 4.วิเคราะห์คู่แข่ง การทำธุรกิจมักจะมีคู่แข่งอยู่เสมอ ต้องหมั่นสังเกตคู่แข่งตลอด เขาทำอะไรออกมาใหม่ต้องมาวิเคราะห์ว่าส่งผลกระทบอย่างไร จะทำอะไรมาสู้เพื่อมาพัฒนาธุรกิจตนเอง และต่อยอดให้เหนือกว่าไปอีก 5.ต้องมีความคงเส้นคงวา ต้องทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ […]