ณรงค์บอกว่า ทามะ ยากินิกุ มีความโดดเด่นอยู่ที่เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ที่นำมาใช้คัดสรรเป็นพิเศษ รับจากแหล่งผลิตโดยตรงเพื่อให้ได้ความสดใหม่ ในส่วนเมนูที่เป็นอาหารทะเล เช่น กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาแซลมอน คัดเกรดทั้งหมด และสุดท้ายความพิเศษของทามะ ยากินิกุ อยู่ที่ “ข้าวยำเกาหลี” และน้ำจิ้มสูตรที่มีส่วนผสมของผลไม้และอื่นๆ กว่า 30 ชนิด ซึ่งบางชนิดต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ สำหรับราคาค่าบริการอยู่ที่ 349-479 บาทต่อคน

หลังจากเปิดสาขาแรกได้สักระยะหนึ่ง ทามะ ยากินิกุเริ่มได้การตอบรับจากลูกค้ามากขึ้นทำให้ทั้งคู่มีแนวคิดที่จะขยายสาขาโดยการเปิดแฟรนไชส์ประจวบเหมาะกับได้ร่วมธุรกิจกับห้างเซ็นทรัลจึงมองเห็นโอกาสที่จะเปิดสาขาเพิ่ม

อย่างไรก็ตามหากเป็นการขยายสาขาเองอาจทำให้การบริหารจัดการไม่ทั่วถึง ทั้งคู่จึงใช้วิธีการเปิดขายแฟรนไชส์แทน ซึ่งแนวทางการขยายสาขาจะเน้นไปที่ต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการขยายสาขาของห้างเซ็นทรัลที่เปิดขึ้นใหม่ตามจังหวัดต่างๆ ปัจจุบันทามะ ยากินิกุ มีอยู่ 6 สาขา

สำหรับรูปแบบการลงทุน สุภนนท์บอกว่าแฟรนไชส์ทามะ ยากินิกุ ใช้งบลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 4-8 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่) รวมค่าแฟรนไชส์ 600,000 บาท (ค่าสถานที่ทั้งหมด เช่น งานออกแบบ งานระบบ งานก่อสร้าง วัสดุ โดยทางบริษัทจะเป็นผู้ดูแลให้ทั้งสิ้น) พื้นที่โดยประมาณ 100-200 ตารางเมตร นอกจากนี้แฟรนไชซีจะต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากทางบริษัท โดยตรง โดยแต่ละเดือนควรมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ที่ 200,000 บาท ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 2 ปี

ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนบริษัทหัก 3 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย (Royalty Fee) และค่าส่งเสริมการตลาด (Advertising Fee ) 3 เปอร์เซ็นต์ โดยณรงค์บอกว่า ทามะ ยากินิกุ เป็นแฟรนไชส์ของแท้ที่จัดสรรระบบได้อย่างลงตัว ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูก ทุกอย่างทางบริษัทได้วางระบบไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทุนเพียงแค่เข้ามาศึกษารายละเอียดทั้งหมดด้วยตนเองตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บริษัท ทามะ ฟู้ด เซอร์วิสเซส จำกัด โทร. 08-9445-2835