จุดเริ่มต้นของ Qualy เกิดจากธุรกิจครอบครัวที่เป็นโรงงานรับจ้างผลิตพลาสติก ซึ่งทศพล และธีรชัย (พี่ชาย) เล็งเห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และสร้างแบรนด์เป็นของตนเองขึ้น โดยเน้นการออกแบบพลาสติกในรูปแบบแปลกๆ เพื่อสร้างจุดเด่นให้แก่แบรนด์ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแนว Living Miss Style เป็นของใช้ภายในชีวิตประจำวันที่สามารถนำไปตกแต่งบ้านได้ด้วย

     กลุ่มเป้าหมายหลักของ Qualy คือกลุ่มแม่บ้าน ผู้หญิง เป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์ชอบแต่งบ้าน ชอบของน่ารักๆ ทั้งกลุ่มที่ซื้อเพื่อไปใช้งานจริงๆ และกลุ่มที่ทั้งใช้งานและตกแต่งบ้าน ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าแล้วเกิดการบอกต่อด้วย  

      “ยอมรับว่าช่วงแรกต้องหาลูกค้าก่อนเพื่อให้บริษัทอยู่ได้ ด้วยความที่สินค้าของเราเป็นงานดีไซน์ ในขณะเดียวกันเรามีกำลังผลิตน้อย และไม่ได้ทำการโฆษณา จึงใช้วิธีออกงานแสดงสินค้าเพื่อหาลูกค้า โดยเริ่มจากในประเทศก่อนแล้วขยายไปต่างประเทศ การออกงานแสดงสินค้าทำให้เราได้ลูกค้าต่างประเทศด้วย จากตรงนี้เลยทำให้เล็งเห็นว่าแบรนด์ Qualyควรเน้นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) จะได้ผลกว่า” ทศพลเล่า

      ภาพรวมของ Qualyในปีที่ผ่านมามีการส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดในประเทศมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยสัดส่วนของรายได้ 95 เปอร์เซ็นต์ มาจากการขายในระบบค้าส่ง อีก 5 เปอร์เซ็นต์ มาจากการขายในระบบค้าปลีกของแฟล็กชิปสโตร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเอเชียทีค ส่วนต่างประเทศมีวางจำหน่ายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีฮับอยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและเจาะตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดใหญ่

     ทศพลเล่าถึงช่วงแรกของการนำ Qualy ไปเจาะตลาดต่างประเทศว่า ความท้าทายในการขายสินค้า คือการผลิตสินค้าอย่างไรให้ตรงใจลูกค้า ทำอย่างไรให้ลูกค้าประจำยังคงอยู่ และทำอย่างไรให้ได้ลูกค้าใหม่ๆ Qualy จะมีการสร้างสินค้าใหม่ๆ ขึ้นมา 6 เดือนต่อชิ้น เขาจึงต้องศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า ศึกษาวัฒนธรรมของประเทศนั้น

      “เราเคยนำตัวช่วยใช้ตะเกียบไปขายในประเทศจีน ซึ่งแน่นอนว่าขายไม่ได้ เราจึงปรับวิธีคิดในการผลิตสินค้าและการวางจำหน่ายสินค้า โดยการเลี่ยงเรื่องของวัฒนธรรม และอีกปัญหาใหญ่ที่ Qualy พบ คือการลอกเลียนแบบสินค้า เราจึงต้องรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ตัวเอง ต้องอดทนในการศึกษาข้อมูลเพื่อผลิตสินค้าใหม่ๆ ให้ลูกค้าเห็นแล้วทราบได้เลยว่าเป็น Qualy” ทศพลเล่า

      ทศพลแนะแนวทางการทำการตลาดในต่างประเทศว่า ต้องมีความอดทนในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง หาข้อมูล ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การทำการตลาดในยุโรปจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบแพ็คเกจสินค้าในการขาย สินค้าควรมีหลากหลายสีสัน เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าตัวแทนจำหน่ายจะซื้อในระบบค้าปลีก ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าน้อยๆ อยากได้เพื่อนำไปขายต่อ และจะเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เป็นต้น

     ปัญหาที่พบของแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ ทศพลมองว่าคือเลือกที่จะผลิตสินค้าคราวละมากๆ ทำให้ไม่เกิดแบรนด์ของตนเอง แต่เขาคิดมุมกลับว่า การขายรายชิ้นมีความสม่ำเสมอในการผลิตสินค้าใหม่ และรักษาคุณภาพของสินค้าของตน จะทำให้แบรนด์มีความยั่งยืนกว่า

     สำหรับเป้าหมายในปีนี้ ทศพลจะปรับลดสัดส่วนตลาดส่งออกเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ จะเน้นการทำการตลาดภายในประเทศมากขึ้น โดยเล็งขยายไปยังต่างจังหวัด รวมไปถึงการเปิดตลาดอาเซียน อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม เน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ผ่านช่องทาง Qualydesignstore.com ให้ลูกค้าที่รักสินค้าแนวดีไซน์ได้เข้าถึง Qualyมากขึ้น

     หลังจากปั้นให้ Qualyประสบความสำเร็จในตลาดโลกไปแล้ว ทศพลยังมุ่งหวังที่จะยกระดับภาพลักษณ์ของงานดีไซน์แบรนด์ไทยอื่นๆ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ไทยโดยรวมอีกด้วย

    “สิ่งหนึ่งที่ Qualy ยึดมาโดยตลอดคือ ความซื่อสัตย์ ทั้งต่อตนเองคือการที่จะผลิตสินค้าออกมาขายแต่ละชิ้น เราต้องชอบก่อน ซื่อสัตย์กับลูกค้า ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกมาให้ลูกค้าได้ใช้ เท่านี้ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดำรงอยู่ได้” ทศพลกล่าวทิ้งท้าย