3 ปีก่อน Mr.Bean Coffee Shop เคยเปิดสาขาในประเทศไทยมาแล้ว 3 สาขา คือที่ทองหล่อ เดอะวอลค์ เกษตร-นวมินทร์ และสยามสแควร์ ในช่วงรอยต่อของการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ เวฟเลือกที่จะเหลือคอฟฟี่ช็อปไว้เพียงสาขาเดียวคือ เดอะวอลค์ ติดถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และตั้งใจจะใช้ที่นี่ทำ “เวิร์กช็อป” ทำความเข้าใจในแบรนด์และความต้องการของผู้บริโภค เพื่อทำการรีแบรนด์ดิ้ง Mr.Bean Coffee Shop ก่อนจะเปิดตัวรูปแบบร้านที่สมบูรณ์ในปี นี้ มองจากหน้าร้านกำแพงเป็นอิฐสีแดงเรียงสลับไล่สีสไตล์โมเดิร์นอิงลิช ด้านหน้าก็มีรถ Mini รุ่นเก่าจอดวางอยู่จริง ภายในร้าน ผสมผสานกับภาพจากมิสเตอร์บีนซีรี่ย์ และมิสเตอร์บีนแอนนิเมชั่น เพื่อให้เกิดความร่วมสมัย แม้แต่เมนูเครื่องดื่มยังมีหน้าของ Mr. Bean ซึ่งเมนู Mr. Bean Signature Stlye ทั้งแบบร้อน เย็นและปั่นเป็นเมนูแนะนำที่ทางร้านแนะนำ

“ผมรู้สึกว่าร้านกาแฟและขนมที่มีสตอรี่ มีค่อนข้างน้อยในเมืองไทย สำหรับ Mr.Bean เป็นคาแรกเตอร์ที่ทุกคนในครอบครัวชื่นชอบ ผมเองยังแปลกใจว่าเด็กเล็กๆ ยังรู้จัก ขนาดจูงมือพ่อแม่มาซื้อตุ๊กตาที่ระลึก แสดงว่า Mr.Bean เป็นอมตะจริงๆ ส่วนวัยรุ่นจะชอบถ่ายรูปกับรถมินิ ตู้โทรศัพท์สีแดงสไตล์อังกฤษ ส่วนชาวต่างชาติเมื่อทราบว่าที่เมืองไทยมี Mr.Bean Coffee Shop ก็ตั้งใจเดินทางมาที่นี่ เพราะไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่จะมีคอฟฟี่ช็อปของ Mr.Bean” เวฟเล่าถึงลูกค้าที่เข้ามาในร้าน

อย่างไรก็ดี เวฟมองว่า “คาแรกเตอร์” เพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอต่อการทำการตลาดในทุกวันนี้ ร้านกาแฟและขนมยุคใหม่มาเร็วและไปเร็วเช่นกัน ดังนั้นเรื่องราวของ Mr.Bean ถือเป็นต้นทุนที่มีค่าที่เขาจะนำมาพัฒนาสร้างสีสัน โดยเฉพาะเมนูกาแฟ ขนม และอาหารเบาๆ ที่จำหน่ายอยู่ภายในร้าน

นอกจากจะต้องสร้างเอกลักษณ์ เช่น การแต่งฟองนมกาแฟเป็นรูป Mr.Bean หรือเมนู Bean in love ที่ใช้ สตรอว์เบอร์รี่เป็นวัตถุดิบในการทำ โดยอิงจากสตอรี่ของตลกคนดังแล้ว รสชาติของเมนูต่างๆ ยังจะต้องอร่อยถึงจะโดดเด่นในตลาดและอยู่ได้อย่างยั่งยืน  “ธุรกิจร้านกาแฟแข่งขันกันค่อนข้างสูง สินค้าจึงต้องดีจริงๆ ผมให้ความสำคัญกับรสชาติเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือประสบการณ์ เพราะต้องเข้าใจว่าวันนี้เราไม่ได้เปิดพิพิธภัณฑ์ Mr.Bean แต่เปิดร้านกาแฟ ซึ่งทางอังกฤษให้อิสระเราในการพัฒนาคาแรกเตอร์ของ Mr.Bean อย่างเต็มที่ แล้วส่งให้เขาพิจารณา หากรสชาติใช่! ผมก็เชื่อมั่นในพลังของ Word of Mouth ที่จะช่วยกันบอกต่อ”